SCB : ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
หมวดธุรกิจ : ธุรกิจการเงิน  www.scb.co.th

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
-----------------------------------------------------------------------
จันทร์ 30 ก.ค.2555--SCB :
ที่มา : Trade Flash : บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป

ธนาคารไทยพาณิชย์ SCB ผู้บริหารขยับเป้าสินเชื่อปี 2555 สู่ 17-19%
ลักษณะธุรกิจ

     SCB เป็นธนาคารพาณิชย์มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ มีโครงสร้างสินเชื่อแบ่งได้เป็น Wholesale 43.6%, SME 17.6% และ Retail 38.8%
     * Core Earnings ใน 1H55 แสดงการขยายตัวได้ดี โดยอยู่ที่ 20.40 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.6% y-y
     * ผู้บริหารได้ปรับเป้าสินเชื่อทั้งปี 2555 ขึ้นสู่ 17-19% จากเดิม 12-14% หลังสินเชื่อใน 1H55 แสดงการเติบโตได้ดีและ Base Effect
     * ทางฝ่ายแนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาพื้นฐานปี 2555 อยู่ที่ 178.25 บาท/หุ้น
ประเด็นข่าว ?
     ผู้บริหารได้ปรับเป้าสินเชื่อทั้งปี 2555 ขึ้นสู่ 17-19% จากเดิม 12-14% หลังสินเชื่อใน 1H55 แสดงการเติบโตได้ดี รวมทั้งมี Base Effect ด้าน NIM คาดเฉลี่ยที่ระดับ 3.1-3.2% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ราว 3.0%
ความเห็น ?
     Core Earnings ใน 1H55 แสดงการขยายตัวได้ดี โดยอยู่ที่ 20.40 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.6% y-y สินเชื่อเติบโตสูงถึง 9.4% ytd สนับสนุนโดยสินเชื่อ Retail+12.3% ytd (Auto +22.0%, Mortgage+11.6%) และ SME +13.9% ซึ่งส่งผลบวกต่อ NIM ให้เฉลี่ยอยู่ที่ 3.2% แม้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแก่ FIDF ด้านสินเชื่อ Wholesale ขยายตัวเพียง 4.2% โดยธนาคารหันไปหารายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของรายได้อื่นๆ นั้นเติบโตได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนของ Insurance Premium จาก SCB Life และ Trading Income
     เป้าหมายสินเชื่อที่ปรับสูงขึ้นในปี 2555 ส่วนหนึ่งมาจากฐานที่ต่ำลงของธุรกิจ Wholesale จากผลกระทบของน้ำท่วมในปีก่อน ขณะที่ภาพสินเชื่อโดยรวมคาดอ่อนตัวลง อย่างไรก็ตามทางฝ่ายคาด Drivers ของสินเชื่อยังจะมาจากธุรกิจ Retail ในส่วนของ Auto และ Mortgage ซึ่งมีความต้องการคงค้างในระดับสูง
     อัตรา Cost/Income ใน 2H55 คาดขยับขึ้นในอัตราเร่งขึ้น เนื่องจากในช่วงปลายปี SCB จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ ด้านสำรองแม้ยังไม่ชัดเจนว่าจะสูงกว่าระดับนโยบายของปีที่ 1.50 พันล้านบาท/ไตรมาสหรือไม่ หากทางฝ่ายคาดว่ามีโอกาสที่จะตั้งเพิ่มเติม เช่นใน 2Q55 จากภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศที่ยังมีความเสี่ยงอยู่
คำแนะนำการลงทุน ?
     แม้ทางฝ่ายมีแผนจะประเมินกำไรตามสินเชื่อที่คาดจะสูงกว่าเป้าของฝ่ายที่ 15% หากสำรองที่คาดอาจเพิ่มขึ้น เช่นกันน่าจะส่งผลให้ผลกำไรโดยรวมไม่น่าขยับได้มากนักจากประมาณการเดิม ดังนั้นทางฝ่ายจึงคงราคาพื้นฐานของปี 2555 ไว้ที่ 178.25 บาท/หุ้น โดยคงคำแนะนำ "ซื้อ"
-----------------------------------------------------------------------

จันทร์ 30 เม.ย.2555--SCB :
ที่มา : ANALYST MEETING : บมจ.หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส

ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)     คำแนะนำการลงทุน  ถือ
ราคาปัจจุบัน:   146.50 บาท
Fair Value : 157.40 บาท
มูลค่าตลาด :   494,731 ล้านบาท
ภาพธุรกิจช่วงที่เหลือของปี 2555 สดใสต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้นสะท้อนแล้ว  
* แนวโน้มสินเชื่อยังแรงต่อเนื่องตลอดปีในทุกกลุ่มหลัก มีโอกาสสูงเกินเป้ามาก 
       แนวโน้มธุรกิจของ SCB ในช่วงที่เหลือของปี 2555 ยังเห็นภาพที่สดใสมากต่อเนื่องจาก 1Q55 ประเด็นบวกหลักคือการเติบโตของสินเชื่อสุทธิ ซึ่งธนาคารฯ ได้ให้ความเชื่อมั่นว่ายังเป็นไปในเชิงรุกต่อเนื่องจาก 1Q55 จากทุกกลุ่มธุรกิจหลักได้แก่ รายใหญ่ SME และรายย่อย (โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์) ที่ธนาคารฯ ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้วในช่วงที่ผ่านมาและจะทยอยเบิกใช้ตามแผน โดยเฉพาะในช่วง 2H55 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลสินเชื่อ SME และรายย่อย โดยรวมแล้ว จึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่สินเชื่อสุทธิทั้งปี 2555 จะเติบโตสูงเกินเป้าหมายที่ 12-14% yoy (ฝ่ายวิจัยคาด 14% yoy) เช่นเดียวกับ NIM ที่ทำได้ดีกว่าเป้าหมายใน 1Q55 แม้จะได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้-ฝากลง 0.125% อีกทั้งการบันทึกต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้นจากเงินนำส่ง ธปท. ตามอัตราใหม่  0.47% โดยธนาคารฯ ยังคงมุมมอง NIM ทั้งปี 2555 ตามเป้าหมายคือ 3%+ ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมฯ เป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่ความคาดหวังว่าจะเติบโตในช่วง 2H55 เพราะในช่วง 1Q55 ยังเติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นกลจักรหลักในการขับเคลื่อนกำไรในช่วง 2H55 โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้จาก Bancassurance บัตรเครดิตและธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อ นอกจากนี้ ความสำเร็จในการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงาน สะท้อนได้จาก Cost to income ratio ที่ต่ำเพียง 39.6% ใน 1Q55 แม้คาดการณ์ว่าช่วงที่เหลือของปี 2555 จะปรับตัวสูงขึ้นและอยู่ในเป้าหมายที่ตั้งไว้ 43-44% แต่ก็ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 47-48%
       * คงประมาณการ...สมมติฐานส่วนใหญ่ถือว่าสอดคล้องกับ best case scenario ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2555-56 ของ SCB  เนื่องจากได้มีการปรับเพิ่มขึ้นไปแล้วตั้งแต่ ภายหลังประกาศผลการดำเนินงาน 1Q55 (เพิ่มขึ้น 7.7% และ 10.6% จากเดิม ตามลำดับ) โดยสมมติฐานหลักในการทำประมาณการปี 2555 ส่วนใหญ่ถือว่าได้สะท้อน best case scenario ของธนาคารฯ อาทิ คาดการณ์สินเชื่อเติบโตถึง 14% yoy รายได้ค่าธรรมเนียมฯ 30.4% yoy และ Cost to income ratio ที่ 40.4% โดยฝ่ายวิจัยยังคงเชื่อมั่นถึงแนวโน้มทิศทางกำไรของ SCB ในช่วง 3 ไตรมาสข้างหน้าว่าจะยังคงทรงระดับสูงได้ต่อเนื่องจาก 1Q55 จากปัจจัยบวกสนับสนุนดังกล่าวข้างต้น
* PBV ปัจจุบันสูงเกินค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ระยะสั้นแนะนำเพียงถือรับปันผล
       ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำเพียงถือรับเงินปันผลสำหรับหุ้น SCB  ภายใต้ Fair value ปี 2555 อิง PBV 2.45 เท่า ที่ 157.40 บาท ซึ่งเหลือ upside เพียง 7% เท่านั้น นอกจากนี้จากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี 2555 ถึงปัจจุบันที่สูงถึง 25.8%  รวมถึงราคาหุ้นปัจจุบันมี PBV ที่สูงเกินค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี เกือบ 3SD แล้ว จึงเกิดแรงกดดันต่อการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาหุ้นในระยะสั้น หรือนักลงทุนอาจ switch ไปลงทุนใน BBL (FV เท่ากับ 220.50 บาท) และ TCAP (FV เท่ากับ 40 บาท)  ที่เป็นหุ้น Top picks ของฝ่ายวิจัย และ KTB (FV เท่ากับ 21.63 บาท)  ที่ฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อ สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศได้ ฝ่ายวิจัยแนะนำหุ้น ธ.พ.สหรัฐฯ ที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่า Fair value รวมถึงมี PBV และ PER ระดับต่ำกว่าหุ้น ธ.พ.ไทย อาทิ Citigroup, JP Morgan  กลุ่ม ธ.พ.ยุโรป อาทิ BNP Paribas และ HSBC Holdings รวมถึง ธ.พ.ในเอเซีย ได้แก่ CMB และ ABC (สัญชาติจีน)
-----------------------------------------------------------------------

จันทร์ 23 เม.ย.2555--SCB :
ที่มา : Company Update : บล.คันทรี่ กรุ๊ป

บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)    
SCB ประกาศกำไร Q1/12 ที่ 1.03 หมื่นลบ. เติบโตมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ประเด็นหลักที่ทำให้กำไรสุทธิเติบโตขึ้นมาก คือ

      1.สินเชื่อที่ขยายตัวขึ้นถึง 20% YoY และ 4.5% QoQ เป็น 1.365  ล้านล้านบาท โดยเป็นการเติบโตขึ้นในทุกกลุ่มลูกค้า Coporate SME และ Retail ทั้งนี้ SME มีการขยายตัวมากที่สุดถึง 7% QoQ  และ Retail + 5.5% QoQ ส่วน Coporate +2.2% QoQ  ซึ่งหนุนให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 5.3% QoQ เป็น 1.4 หมื่นลบ.  แต่ NIM ทรงตัวราว 3.03% เนื่องจากทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับลดลงตามมติกนง.
      2.รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิขยายตัวขึ้น 12.9% QoQ  จากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกรรมสินเชื่อ ธุรกิจบัตรเครดิท  ในส่วนรายได้จากการดำเนินงานนั้นขยายตัวขึ้นเช่นกันโดย +10.6% QoQ จากกำไรธุรกรรมการปริวรรคเงินตราต่างประเทศ  รายได้สุทธิจาการรับประกันภัยของ SCBLIF ซึ่งส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 3.2 หมื่นลบ. (+10.6% QoQ)
      3.ค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน ลดลง 8.8% QoQ เป็น 9.6 พันลบ. เป็นผลมาจากไม่ต้องบันทึกเงินช่วยเหลือพนักงานเกี่ยวกันน้ำท่วม ค่าใช้จ่ายอาคารสถานที่และอุปกรณ์ลดลง รวมถึงค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ลดลงจากไตรมาสก่อน ซึ่งส่งผลให้ Cost to income ลดลงเหลือ 39.62% ในส่วนการตั้งสำรองหนี้สูญลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เหลือ 1.4 พันลบ. (-53% QoQ) เนื่องจากไม่ต้องตั้งสำรองจากผลกระทบน้ำท่วม ทั้งนี้ SCB ยังคงควบคุม NPL ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่องจากปีก่อนโดยล่าสุดลดลงเหลือ 2.11% หรือ 3.08 หมื่นลบ.
      ส่งผลให้ SCB มีกำไรสุทธิ Q1/12 ที่ 1.03 หมื่นลบ. +53% QoQ ( แต่ -20.8% YoY เนื่องจาก Q1/11 มีการบันทึกกำไรพิเศษเงินลงทุนใน SCBLIF ราว 5.1 พันลบ. ) และมี EPS 3.06  ROA 2.17% ROE 22.08%  ,BV 58.28  ทั้งนี้เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อ SCB เนื่องจากมีการเติบโตด้านสินเชื่อโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ และคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ +12 - 14%  เนื่องจากเพียงแค่ Q1/12  SCB มียอดสินเชื่อเติบโตขึ้นถึง 4.5%  อีกทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการจะเติบโตขึ้นตามธุรกรรมสินเชื่อที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน ประกอบกับปีนี้ SCB จะรับรู้รายได้จาก SCBLIF เข้ามาเต็มปี ซึ่งช่วยหนุนให้กำไรสุทธิของธนาคารเติบโตขึ้น อย่างไรก็ตามเราแนะนำแค่ ซื้อเก็งกำไร  เนื่องจากมี Upside เพียง 5% จากราคาพื้นฐาน 156 บาท (P/BV 2.5 เท่า)
-----------------------------------------------------------------------

ศุกร์ 6 ม.ค.2555--SCB :
4Q54 EARNINGS PREVIEW : บมจ.หลักทรัพย์เอเชียพลัส

ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
คำแนะนำการลงทุน    ซื้อ
ราคาปัจจุบัน: 111 บาท
Fair Value ปี 2555: 156.52 บาท
มูลค่าตลาด : 396,798 ล้านบาท
แนวโน้มกำไร 4Q54 หดตัวตามกลุ่มฯ แม้สินเชื่อแกร่ง แต่สำรองหนี้สูง  
* คาดกำไร 4Q54 หดตัว 11.2% qoq โดยยังคงนโยบายกันสำรองระดับสูง  

        ฝ่ายวิจัยคาด SCB จะมีกำไรสุทธิ 4Q54 เท่ากับ 7.41 พันล้านบาท ลดลง 11.2% qoq (แต่ยังเติบโต  22.8% yoy) และทำระดับต่ำสุดในรายไตรมาสในรอบปี จาก 3 ปัจจัยหลักได้แก่ 1) ธนาคารฯ ยังคงนโยบายจะกันสำรองหนี้ฯ ระดับสูงต่อเนื่องจากงวดที่ผ่านมาตามหลักความระมัดระวัง แม้จะไม่สูงเท่า 3Q54 แต่ยังเป็นระดับที่สูงกว่านโยบาย Normalised provisioning ที่กำหนดไว้  800 ล้านบาท/ไตรมาส (Credit cost เฉลี่ย 30bp)  2) คาดการณ์รายได้ค่าธรรมเนียมฯ ใน 4Q54 ลดลงถึง 10.7% qoq เนื่องจากใน 3Q54  มีการบันทึกรายได้ค่าธรรมเนียมฯ จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับกลุ่ม TRUE  แต่ในงวดนี้ไม่มีรายการขนาดใหญ่เช่นนี้ และ 3) Cost to income ratio ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 46.3% จาก 39.8% ในงวดที่ผ่านมา เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของทั้งค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าใช้จ่ายการตลาด และค่าใช้จ่ายพิเศษเป็นเงินช่วยเหลือในช่วงเกิดวิกฤติอุทกภัยใหญ่ที่ผ่านมา ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันกำไรสุทธิในงวดนี้  แม้จะมีปัจจัยบวกช่วยผลักดันได้แก่ คาดการณ์สินเชื่อสุทธิใน 4Q54 ที่คาดว่าจะเติบโตถึง 6% qoq และทำให้สินเชื่อสุทธิทั้งปี 2554 เติบโตถึง 25.4% yoy สูงเกินกว่าที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 18% yoy ไปมาก แต่เนื่องจากการลดลงของ NIM ที่ประเมินไว้ 8bp มาที่ 3.14% จากแรงกดดันทั้งในส่วนของ Yield (จากสินเชื่อเยียวยาลูกหนี้ที่ให้ผลตอบแทน) และต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่ยังสูงขึ้นจากการเน้นระดมเงินฝากมากขึ้นเพื่อทดแทน B/E (เพราะแนวโน้มจะมีหลักเกณฑ์การควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นจาก ธปท.) จึงทำให้รายได้สุทธิในงวดนี้เติบโตเพียง 3.4% qoq ซึ่งไม่สามารถหักล้างปัจจัยลบดังกล่าวข้างต้น   
* คาดกำไรปี'55 ที่เติบโตถึง 13.5% yoy ยังไม่รวมปัจจัยเสี่ยงจ่ายเงินสมทบเพิ่ม     
        ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อการเติบโตของธุรกิจและกำไรสุทธิของ SCB ในปี 2555 ซึ่งประเมินการเติบโตของสินเชื่อสุทธิเท่ากับ 10% yoy และกำไรสุทธิเท่ากับ 13.5% yoy เนื่องจากจุดแข็งของธนาคารฯ ที่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อรายใหญ่และแสดงการเติบโตเชิงรุกในช่วงที่ผ่านมาและคาดว่ายังเห็นความต่อเนื่องในปี 2555 จากโอกาสการเติบโตของสินเชื่อรายใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนประเภทสินเชื่อโครงการที่ยังเห็นการเติบโตเชิงรุก นอกจากนี้ การฟื้นตัวของสินเชื่อรายย่อยหลังเหตุการณ์น้ำท่วม น่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยผลักดันความต้องการสินเชื่อโดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปี 2555 ของ SCB ให้เป็นไปในเชิงรุกมากขึ้น อีกทั้งยังมีประเด็นบวกที่ช่วยผลักดันฐานกำไรสุทธิปี 2555 ได้แก่เรื่องการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 23% จากเดิม 30% อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รวมถึงปัจจัยเสี่ยงเรื่องแนวโน้มที่ ธ.พ. อาจต้องจ่ายเงินสมทบให้แก่ ธปท. เพื่อชำระหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยจ่ายของ FIDF ในแต่ละปี ซึ่งจากการศึกษาของฝ่ายวิจัยพบว่าหาก SCB ต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มทุกๆ 0.1% จากปัจจุบันที่ 0.4% จะส่งผลกระทบต่อคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2555 ให้ปรับตัวลดลง 2.3% จากเดิม ซึ่งในกรณีเลวร้ายสุดหากต้องนำส่งเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 1% จะสงผลกระทบต่อกำไรสุทธิให้ลดลงถึง 13.9% จากเดิม (ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ ที่คาดว่าจะลดลงถึง 21.1% จากเดิม)  และจะส่งผลกระทบ Fair value ปี 2555 ในกรณีเลวร้ายสุดให้ปรับตัวลดลงเหลือราว 152.13 บาท หรือลดลงราว 2.8% จากเดิม
* ระยะสั้นเน้นลงทุนเมื่ออ่อนตัวภายหลังประกาศงบ 4Q54 ไปแล้ว
        ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำซื้อหุ้น SCB แต่ระยะสั้นเน้นให้เข้าลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว เพื่อลดความเสี่ยงในการเข้าลงทุนในช่วงภายหลังจากการประกาศผลการดำเนินงาน 4Q54 ที่คาดว่าจะอ่อนตัวลง รวมถึงปัจจัยเสี่ยงกดดันในเรื่องการจ่ายเงินสมทบเพิ่มให้แก่ ธปท. ที่ยังรอความชัดเจนจากทางการ

-----------------------------------------------------------------------