CK : บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)
หมวดธุรกิจ : พัฒนาอสังหาริมทรัพย์  www.ch-karnchang.co.th

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
-----------------------------------------------------------------------
พฤหัสฯ 23 ก.ย.2553--CK :
ที่มา : วิเคราะห์หุ้นรายวัน : บมจ.เคจีไอ

CK บมจ. ช การช่าง
โครงการไซยะบุรี หนุนผลการดำเนินงานในอนาคตเติบโตโดดเด่น 
ซื้อ     
ราคาปัจจุบัน (บ.)     9.35
ราคาเป้าหมาย (บ.)  11.50
Upside (%)           23
สรุปประเด็นสำคัญ และข่าวล่าสุด
        * โครงการไซยบุรี ช่วยหนุนให้งานในมือ CK เติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1 แสนล้านบาท
        * ผลประกอบการของ CK ใน 3 ปีข้างหน้าคาดจะเติบโต 130% CAGR
        * การลงทุนอย่างสม่ำเสมอของภาครัฐบาล ช่วยกระตุ้นให้อุตสาหกรรมก่อสร้างในอนาคตเติบโตอย่างมั่นคง
        * เริ่มด้วยคำแนะนำ 'ซื้อ' โดยมีราคาเป้าหมายในปี 2553 ที่ 11.50 บาท
การลงทุนภาครัฐยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
        ภายหลังการชุมนุมทางการเมืองสิ้นสุดลงและวุฒิสภาได้อนุมัติ พรบ. งบประมาณประจำปี 2554  เราประเมินว่างบลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาตั้งแต่ในไตรมาส 3 เป็นไปต้นไป โดยมูลค่าโครงการก่อสร้างที่คาดจะเกิดขึ้นในช่วง 4-5 ปีข้างหน้ามูลค่ารวมกว่า 373.61 พันล้านบาท รวมถึงโครงการจากภาคเอกชนต่าง ๆ เช่นโรงไฟฟ้าและการขยายโรงงานปิโตรเคมี จะเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมการก่อสร้างในอนาคตเติบโตอย่างมั่นคง
ความก้าวหน้าของการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง หนุนกำไรใน 2H10 ฟื้นตัว

        การเร่งก่อสร้างงานที่บริษัทมีอยู่ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วยหนุนให้รายได้ใน 2H/10 กลับสู่ระดับปกติที่ 1.7 พันล้านบาทต่อไตรมาส นอกจากนี้ อัตราการดำเนินงานที่อยู่ในระดับสูง จะลดต้นทุนคงที่ที่มีอยู่และหนุนให้กำไรสุทธิใน 2H10 เพิ่มเป็น 169 ล้านบาท อย่างไรก็ดี จากผลขาดทุนจำนวนมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 จำนวน 359 ล้านบาท ทำให้เราคาด CK จะขาดทุนสุทธิ 134 ล้านบาทในปี 2553
แนวโน้มรายได้ในปี 2554 เพิ่มขึ้น 151% YoY จากการรับรู้รายได้จากก่อสร้างในโครงการไซยบุรีเป็นหลัก
        เราประเมิน CK จะมีรายได้ในปี 2554 เท่ากับ 16.00 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 151% YoY เนื่องจาก i) บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายรับจากโครงการไซยบุรีคิดเป็น 57% ของรายรับรวมในปี 2554 และ ii) การก่อสร้างระบบทางรถไฟสำหรับรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินและม่วง ซึ่งคิดเป็น 18.8% และ 17.5% ของรายรับรวมในปี 2554
เน้นรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับเหมาะสมที่ 10-15%
        ประโยชน์จากการแข็งตัวของค่าเงินบาทที่ทำให้ต้นทุนวัสดุก่อสร้างปรับลดลงและความชำนาญในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ อาทิ โครงการไซยบุรีและระบบรถไฟต่าง ๆ คาดจะทำให้ระดับอัตรากำไรขั้นต้นของงานใหม่ ทรงตัวได้ในระดับสูงที่ 10-15% อย่างไรก็ดี งานในมือที่เหลืออยู่บางโครงการยังมีอัตรากำไรขั้นต้นในอัตราต่ำ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นปี 2554 อยู่ที่ระดับ 9.7% แต่เพิ่มจาก -3.3% ในปี 2553
ประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิเพิ่ม 130% CAGR ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
        นอกจาก ยอดขายที่คาดจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับความสามารถในการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 9-10% จากงานใหม่ ๆบริษัทได้ในอนาคต ซึ่งคาดจะมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 10-15% นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดจะทำให้กำไรสุทธิในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้น 130% CAGR จาก 90 ล้านบาทในปี 2552 เป็น 1,100 ล้านบาทในปี 2556
แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสมปี 2554 เท่ากับ 11.50 บาท/หุ้น
        เราประเมินว่า มูลค่าเหมาะสมปี 2554 ที่ 11.50 บาท/หุ้น โดยมีระดับ PBV ที่ 2.6 เท่า ซึ่งต่ำกว่าจุดสูงสุดที่เกิดขึ้นที่ระดับ 3.56 เท่า ดังนั้น แนะนำ ซื้อ