HEMRAJ : บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน)
หมวดธุรกิจ : พัฒนาอสังหาริมทรัพย์   www.hemaraj.com

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

-----------------------------------------------------------------------
ศุกร์ 17 ส.ค.2555--HEMRAJ :
ที่มา : In The News : บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส

HEMRAJ              คำแนะนำ ซื้อ
ราคาปิด 2.94 บาท     ราคาพื้นฐาน 3.52 บาท
มีข่าวลบเล็กๆเรื่อง Gheco-One
    * มีข่าวว่าหลัง Gheco-One เริ่มเปิดดำเนินการ (COD) เพียง 1 วันคือ 27 ก.ค.55 ก็มีเหตุเกี่ยวกับการรั่วของ boiler tube ทำให้ต้องหยุดจ่ายไฟไปเป็นเวลาประมาณ 21 วันจะกลับมา operate ในวันนี้คือ 17 ส.ค.55
    * ผลกระทบ : เราจึงทดลองประเมินว่ากำไรที่หายไปในส่วน hemraj (hemraj ถือหุ้น 35% ใน Gheco-One) พบว่าจะอยู่ที่ประมาณ 82 ล้านบาท เพราะ กฟผ.จะไม่จ่ายค่าซื้อไฟให้ (ประมาณ 16 ล้านบาทต่อวัน) คิดเป็นสัดส่วน 4% เทียบกับประมาณการกำไรปีนี้ที่ 1,846 ล้านบาท อย่างไรก็ตามทาง Gheco-One อาจจะเรียกร้องค่าชดเชยกับผู้รับเหมาก่อสร้าง เพราะถือว่ามีความผิดในการก่อสร้าง และยังมีค่าใช้จ่ายในการซ่อม boiler อีกด้วย เราจะยังไม่รวมไว้ในประมาณการจนกว่าจะมีความแน่ชัดเรื่องนี้ คาดว่าเรื่องนี้อาจส่งผลกระทบบ้างกับราคาหุ้นในระยะสั้นได้ แต่ผลกระทบต่อกำไรสุทธิปี 55 ที่ ประมาณ 4% ก็ไม่ถึงกับรุนแรง
    * คำแนะนำ : ในช่วงเริ่มต้นของการดำเนินงานโรงไฟฟ้า Gheco-One ก็อาจมีข้อสะดุดลงบ้าง เช่นความล่าช้าในการเปิดดำเนินการก็มีส่วนทำให้กำไร 2Q55 ที่ผ่านมาไม่สดใสเทียบกับ q-o-q เพราะมีค่าปรับจาก กฟผ. ,เหตุการณ์ที่ boiler tube มีปัญหา หรือ อาจมีค่าปรับหากไม่สามารถ ramp up กำลังการผลิตตามที่ กฟผ.ต้องการได้ แต่เชื่อว่าระยะทางกลาง-ยาวแล้ว ทางบริษัทจะได้ประโยชน์เต็มที่จาก Gheco-One ในการมีส่วนผลักดันให้กำไรสุทธิปี 55 และ 56 เติบโตก้าวกระโดดเทียบ y-o-y เป็น 244% และ 51% ตามลำดับ ได้เงินปันผลเข้ามามาก และกินยาวไปถึง 25 ปี ตามสัญญาขายไฟให้ กฟผ. ส่วนธุรกิจหลักคือ นิคมฯ โรงงานให้เช่า และสาธารณูปโภคก็ยังแข็งแกร่งมาก แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 3.52 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี sum-of-parts
    * ทาง GLOW ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีก 65% ใน Gheco-One ได้อธิบายข้อดีโดยรวม 3 ประการของโครงการนี้ คือ 1) ราคาถ่านหินที่ตกลงไว้กับ suppliers นั้นต่ำกว่าที่กฟผ.คำนวณ 2) ต้นทุนการเงินต่ำกว่าตอนศึกษาโครงการ และ 3) อัตราภาษีเงินได้หลังหมดการส่งเสริมจาก BOI (8 ปี) ควรจะเป็น 20% ต่ำกว่าที่ศึกษาคือ 30% ส่งผลให้ได้รับ IRR เพิ่ม 4-5% ขณะที่ความเสียหายจากค่าปรับการเปิดดำเนินการล่าช่าและค่าปรับการ ramp up ไม่ได้ จะทำให้ IRR ลดลง 2.5% สุทธิแล้วเป็นบวกมากกว่า
-----------------------------------------------------------------------
พุธ 5 ต.ค.2554--HEMRAJ :
ที่มา : Company Focus : บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส

HEMRAJ  คำแนะนำ ถือ (ปรับลดจาก ซื้อ)
ราคาปิด 1.75 บาท         ราคาพื้นฐาน 1.77 บาท (เดิม 2.72 บาท)
ความเสี่ยงในธุรกิจเพิ่มขึ้น
        o ผลพวงจากวิกฤตปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรป และความตกต่ำทางเศรษฐกิจสหรัฐ เราคาดว่าในระยะยาวแล้วจะส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) มายังไทย หากในที่สุดแล้วกิจกรรมการส่งออกสินค้าจากทั่วโลกไปยังภูมิภาคดังกล่าวได้ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังเกิดความไม่แน่นอนในเรื่องสิทธิประโยชน์จากบีโอไอของไทยที่อาจจะลดลง หลังรัฐมนตรี กระทรวงอุตสาหกรรมมีแนวคิดที่จะทบทวนในเรื่องนี้ นั่นคือ กิจกาจที่เคยได้รับสิทธิประโยชน์และแข็งแรงพอที่จะยืนได้ด้วยตนเองแล้ว ก็อาจจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์แล้ว หรือลดสิทธิประโยชน์ลง จึงยังเป็นเรื่องที่กดดันต่อภาวะนิคมอุตสาหกรรมอยู่ในประเด็น ความดึงดูดใจในการเข้ามาลงทุน และการเปลี่ยนไปซื้อนิคมจากคู่แข่งต่างประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการลงทุนในไทย เช่น ยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์, ปิโตรเคมี และ อาหาร เป็นต้น ว่าจะยังได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอหรือไม่ ดังนั้นเราจึงได้ปรับลดประมาณการยอดขายพื้นที่นิคมปี 55 ให้ลดลง 9% จากเดิม 1,540 ไร่ เป็น 1,400 ไร่ ซึ่งเท่ากับยอดขายพื้นที่นิคมในปี 54 ส่วนประมาณการกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 55 ได้ลดลง 4% จากเดิม
        o ส่วนการที่เงินบาทเทียบกับเหรียญสหรัฐได้มีการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง เราจึงคาดว่าจะส่งผลลบกับรายการกำไร (ขาดทุน) ตามวิธีส่วนได้เสีย (equity method) ให้มีขาดทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริษัทร่วมทุน เกคโค่-วัน ซึ่งมีหนี้เงินกู้สกุลต่างประเทศอยู่ หากสมมุติให้ค่าเงินบาทปลายปี 54 เป็น 31.20 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ก็จะทำให้ขาดทุนตามวิธีส่วนได้เสียปี 54 เพิ่มเป็น 227 ล้านบาท จากประมาณการเดิมที่เป็นขาดทุน 50 ล้านบาท ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 54 ลดลง 14% จากเดิม
        o เราปรับลดคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น ถือ เพราะเห็นว่าบริษัทมีความเสี่ยงทางธุรกิจเพิ่มขึ้นจากประเด็น 1) ในระยะยาวแล้ว วิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อความต้องการพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมให้ลดน้อยลง และ 2) หากในที่สุดแล้วบีโอไอไม่ให้สิทธิประโยชน์หรือลดสิทธิประโยชน์สำหรับอุตสาหกรรมที่มีความต้องการใช้มาก เช่น ยานยนต์ (สัดส่วนสูงสุดที่ 36% ในงวด 1H54) อิเล็กทรอนิกส์, ปิโตรเคมี และ อาหาร เป็นต้น ก็จะส่งผลลบต่อยอดขายนิคมฯในอนาคตได้ ด้านราคาพื้นฐานเราได้ปรับลดลงเป็น 1.77 บาท ซึ่งประเมินด้วยส่วนลด 35% จากมูลค่าพื้นฐานบริษัทที่ 2.72 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี SOTP (sum of parts) ราคาปิดล่าสุดมีส่วนเพิ่มเทียบกับราคาพื้นฐานได้ 1% และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 54 ที่ 1.7% รวมอัตราผลตอบแทนเป็น 2.7%