CPALL : บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
หมวดธุรกิจ : พาณิชย์  www.cpall.co.th

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
-----------------------------------------------------------------------
พุธ 8 ส.ค.2555--CPALL :
ที่มา : DAILY STOCK : บล.เกียรตินาคิน

CPALL  (CP ALL Public Company Limited.)
Sector :  Commerce
คำแนะนำ               ซื้อ
Fair Value'56 (Bt)  43.00
Closed Price (Bt)   33.75 
Upside Gain         27%
Dividend Yield 55F  3.7%
     กำไรสุทธิ 2Q/55 ต่ำกว่าคาด 4% จากค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคและค่าใช้จ่ายการตลาดสูงเป็นประวัติการณ์แต่คาดว่าค่าใช้จ่ายผันแปรดังกล่าวจะชะลอลงในช่วงที่เหลือของปีตามสภาพอากาศและกิจการทางการตลาด นอกจากนี้ เราประเมินว่า Same store sales growth ในครึ่งหลังของปี 55 มีโอกาสกลับไปเติบโตที่อัตราเฉลี่ย 10 - 12% จากโปรโมชั่นแสตมป์และสินค้าใหม่ร่วมกับ Supplier ทำให้กำไรสุทธิครึ่งปีหลังจะสูงขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิครึ่งปีแรกมีสัดส่วน 53% ของประมาณการ เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 55-56 เพิ่มจากเดิม 9 - 10% มองว่าราคาหุ้น CPALL ปรับลงกว่า 3% วานนี้ สะท้อนปัจจัยลบกำไรสุทธิ 2Q/55 ต่ำกว่าตลาดคาดแล้ว และมี PE ปี 56 ที่ 24 เท่า ถูกกว่า PE ปี 55 ที่ 30 เท่า และค่าเฉลี่ยกลุ่มฯที่ 26 เท่า แนะนำ "ซื้อ"
กำไรสุทธิ 2Q/55 ต่ำกว่าคาด 4%
     ผลประกอบการ 2Q/55 มีกำไรสุทธิ 2,600 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.29 บาท เพิ่มขึ้น 20% Y-O-Y แต่ลดลง 6% Q-O-Q หากไม่รวมผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 29 ล้านบาท ผลประกอบการปกติมีกำไร 2,629 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% Y-O-Y แต่ลดลง 4% Q-O-Q ต่ำกว่าคาด 4% (คาดกำไรสุทธิ 2,735 ล้านบาท) เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงกว่าที่ประเมิน โดยเฉพาะค่าสาธารณูปโภคและค่าใช้จ่ายการตลาดสูงเป็นประวัติการณ์ ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงมีผลต่อค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มราว 300 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายเพิ่มขึ้น Y-O-Y และ Q-O-Q เป็น 23.4% ทั้งนี้เรามองว่าค่าใช้จ่าย 2 รายการดังกล่าวผันแปรตามฤดูกาล ซึ่งอาจชะลอลงในไตรมาสที่เหลือของปีตามสภาพอากาศ และกิจการทางการตลาด
ใน 2Q55 ร้านเซเว่นฯ มี SSS growth 10.5% และ Gross margin ดีขึ้นเป็น 26.1%
     ใน 2Q/55 CPALL มีรายได้จากการขายและบริการ 45,615 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% Y-O-Y และ 6% Q-O-Q ในจำนวนนี้เป็นยอดขายร้านเซเว่นฯ 44,725 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% Y-O-Y และ 6% Q-O-Q โดยยอดขายสาขาเดิมเติบโต 10.5% (Same store sales growth) ปริมาณลูกค้าใช้บริการต่อสาขาต่อวัน 1,295 คน เพิ่มขึ้น 4% Y-O-Y และ 3% Q-O-Q ขณะที่มียอดซื้อต่อใบเสร็จเฉลี่ย 56 บาท เพิ่มขึ้น 6% Y-O-Y และ 2% Q-O-Q สำหรับสาขาร้านเซเว่นฯ ณ สิ้น 2Q/55 มีจำนวน 6,660 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 54 จำนวน 384 สาขา เป็นการขยายสาขาใหม่ใน 2Q/55 จำนวน 181 สาขา นอกจากนี้สินค้าที่ขายดีส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารพร้อมทานและเครื่องดื่ม ทำให้สัดส่วนยอดขายสินค้ากลุ่มอาหารเพิ่มขึ้นเป็น 73.6% จาก 72.8% ใน 1Q/55 และมี Gross margin ดีขึ้น Y-O-Y และ Q-O-Q เป็น 26.1% 
ปรับเพิ่มประมาณการปี 55-56 สะท้อนมุมมองต่อ SSS growth ดีต่อเนื่องครึ่งปีหลัง  
     ครึ่งปีแรก 55 กำไรสุทธิมีสัดส่วน 53% ของประมาณการ เราปรับเพิ่มประมาณการปี 55 และ 56 จากเดิม 9% และ 10% สะท้อนมุมมองต่อ SSS growth ครึ่งปีหลัง 55 มีโอกาสกลับไปเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งหลังปี 51 ที่อัตรา 10-12% จากการออกโปรโมชั่นที่หลากหลาย รวมทั้งโปรโมชั่น "แสตมป์" ซึ่งใช้ส่งเสริมการขายระหว่าง 26 ก.ค. - 25 พ.ย. รวมทั้งการออกสินค้าใหม่ร่วมกับ Supplier หลังกลับมาผลิตตามปกติ นอกจากนี้เราคาดว่าค่าใช้จ่ายการตลาดน่าจะชะลอลงในไตรมาสสุดท้ายของปีหลังจบโปรโมชั่นแสตมป์ ทำให้ฐานกำไรสุทธิครึ่งปีหลัง 55 ดีกว่าครึ่งปีแรก โดยปีนี้คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 10,949 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.22 บาท เพิ่มขึ้น 37% Y-O-Y ส่วนปี 56 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 12,432 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.38 บาท เพิ่มขึ้น 14% Y-O-Y รวมทั้งปรับเพิ่มประมาณการเงินปันปี 55 และ 56 คาดว่าปีนี้จะจ่ายในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท (จากเดิม 1.10 บาท)
ราคาปัจจุบันซื้อขาย PE ปี 56 ที่ 24 เท่า และมี Upside 27% แนะนำ "ซื้อ"
     เราประเมินมูลค่าเหมาะสมของ CPALL ใหม่หลังปรับเพิ่มประมาณการปี 55 และ 56 โดยมีมูลค่าเหมาะสมปี 55 เท่ากับ 38 บาท (จากเดิม 36.50 บาท) และมีมูลค่าเหมาะสมปี 56 เท่ากับ 43 บาท (DCF WACC @ 9%) มองว่าการปรับลงของราคาหุ้น CPALL วานนี้ สะท้อนปัจจัยลบกำไรสุทธิ 2Q/55 ต่ำกว่าตลาดคาดไปแล้ว และมี Upside จากมูลค่าเหมาะสมทั้งปี 55 และ 56 นอกจากนี้ราคาปัจจุบันยังสะท้อนการซื้อขาย PE ปี 56 ที่ 24 เท่า ถูกว่า PE ปี 55 ที่ 30 เท่า และ PE เฉลี่ยกลุ่มที่ 26 เท่า มองเป็นโอกาสลงทุน
-----------------------------------------------------------------------

พุธ 8 ส.ค.2555--CPALL :
ที่มา : วิเคราะห์หุ้นรายวัน : บมจ.เคจีไอ

บมจ. ซี.พี. ออลล์*
กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2/55 ออกมาดีตามที่เราคาด       ซื้อ    
ราคาปัจจุบัน (บ.)      33.75
ราคาเป้าหมาย (บ.)    46.00
Upside (%)          36.30
สรุปประเด็นสำคัญ และข่าวล่าสุด
     * กำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/55 อยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ตามที่เราคาดไว้
     * ผลประกอบการมีแนวโน้มจะดีต่อเนื่องในครึ่งหลังของปีนี้
     * * คาดว่ากำไรสุทธิจะโตถึง 24.8 % CAGR ในช่วงปี 2554-2557
     * แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายคำนวณโดยวิธี DCF ที่ 46 บาท
เป็นผู้นำในตลาดร้านสะดวกซื้อ
     CPALL ประกาศกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/55 อยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.8% YoY แต่ลดลง 5.7% QoQ ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดแต่ต่ำกว่าประมาณการเฉลี่ยของ Bloomberg อยู่ 4.7% ทั้งนี้เราประเมินแนวโน้มกำไรจะยังคงดีต่อเนื่องในครึ่งหลังของปีนี้ จากการขยายสาขา, การออกแคมเปญทางการตลาดในไตรมาสที่ 3/55 และส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นระหว่างสินค้าประเภทอาหารและไม่ใช่อาหาร นอกจากแนวโน้มที่สดใสในครึ่งหลังแล้ว กำไรสุทธิในครึ่งแรกที่คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 52.0% ของประมาณการทั้งปี ทำให้เราคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีไว้ที่ 1.03 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้จากการที่บริษัทเป็นผู้นำในตลาดร้านสะดวกซื้อซึ่งมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในช่วงปี 2554-2557 สูงถึง 24.8% CAGR เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยให้ราคาเป้าหมายซึ่งคำนวณโดยวิธี DCF ที่ 46 บาท
ประเด็นหลักจากผลประกอบการไตรมาสที่ 2/55:
     * อัตรา SSSG สูงถึง 10.5%: การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 และอากาศที่ร้อนอบอ้าวในไตรมาสนี้ช่วยให้ยอดผู้ใช้บริการร้าน 7-Eleven เพิ่มสูงขึ้นและทำให้ same-strong-sales growth (SSSG) สูงถึง 10.5% จาก 4.4% ในไตรมาสที่ 2/54 นอกจากนี้ การขยายสาขาเป็น 6,660 สาขาในปัจจุบันจาก 6,276 เมื่อต้นปี ส่งผลบวกให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 17.0% YoY เป็น 4.56 หมื่นล้านบาท
     * อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้นและยังได้ประโยชน์จากอัตราภาษีที่ถูกลง: สัดส่วนของสินค้าประเภทอาหารที่สูงถึง 73.6% ซึ่งมีอัตรากำไรสูงถึง 25.0-26.0% ช่วยสนับสนุนให้ GPM ในไตรมาสนี้สูงถึง 26.1% นอกจากนี้ การลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 23.0% ช่วยผลักดันให้กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2/55 เพิ่มขึ้น 19.8% YoY เป็น 2.6 พันล้านบาท
แนวโน้มผลประกอบการน่าจะดีต่อเนื่องในครึ่งหลังของปีนี้
     การออกแคมเปญทางการตลาดประจำปีภายใต้โครงการ "สะสมแสตมป์แทนเงินสด" ซึ่งเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/55 จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2555 ช่วยกระตุ้นยอดการใช้จ่ายต่อบิลให้สูงขึ้น และทำให้ SSSG เพิ่มขึ้นในอัตรา 8.0-9.0% เมื่อเทียบกับ 8.4% ในช่วงที่มีการออกแคมเปญในปีที่แล้ว นอกจากนี้แนวโน้มที่ดีของตลาดค้าปลีกตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/55 เป็นต้นมา จะทำให้ SSSG บรรลุเป้าของเราที่ตั้งไว้ที่ 6.25% ในขณะที่อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น 39 bps เป็น 25.2% และผลประโยชน์จากอัตราภาษีนิติบุคคลที่ลดลงเหลือ 23.0% ก็จะช่วยสนับสนุนให้กำไรสุทธิปี 2555 เพิ่มขึ้น 28.8% YoY เป็น 1.03 หมื่นล้านบาท
คาดว่ากำไรสุทธิจะโตถึง 24.8 % CAGR ในช่วงปี 2554-2557
     เราคาดว่ากำไรสุทธิของ CPALL จะมีอัตราการเติบโตที่สูงในอีก 2-3 ปีข้างหน้าโดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตถึง 24.8% CAGR ในช่วงปี 2554-2557 ซึ่งเป็นผลมาจาก i) การขยายเครือข่ายสาขา 500 สาขาต่อปี ii) อัตรา SSSG ที่สูงถึง 6.0% iii) อัตรากำไรขั้นต้นที่ค่อยๆขยับสูงขึ้นจาก 25.2% ในปี 2555 เป็น 25.5% ในปี 2557 จากส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่ดีซึ่งทำให้มีอัตรากำไรในระดับที่สูง และ iv) อัตราภาษีนิติบุคคลที่ลดลงเหลือ 20.0%
แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายใหม่เท่ากับ 46 บาท
     จากอัตราการเติบโของกำไรสุทธิที่สูงถึง 24.8% CAGR ในช่วงปี 2554-2557 และงบดุลที่สะอาด เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายซึ่งคำนวณโดยวิธี DCF ที่ 46 บาท
-----------------------------------------------------------------------

อังคาร 31 ก.ค.2555--CPALL :
ที่มา : KSS Company Update : บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน)

Stock Rating        BUY
Previous Rating     BUY
Fair Value          Bt 40.00
Current Price       Bt 33.25
Upside/(Downside)   20.30%
Consensus (median)  Bt36.88
Sector              Commerce
Sector Rating       NEUTRAL
คาดกำไรสุทธิ 2Q55 เติบโต YoY และ QoQ
          เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" CPALL โดยเราชอบ CPALL จาก 1) ทิศทางการบริโภคในประเทศแข็งแกร่งกระตุ้นการเติบโตของยอดขาย 2) การเน้นจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทานและสินค้าพิเศษที่หาซื้อได้เฉพาะใน 7-Eleven เท่านั้น สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวสูง 3) ผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 55-56 จะขยายตัวเฉลี่ย 27% และ 4) ROE สูงที่สุดในกลุ่มถึง 44-45% ในปี 55-56 เราประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 40 บาท ตามวิธี DCF (WACC 9%, Terminal growth 4%) ซึ่งคิดเป็น P/E ปี 2555 ที่ 27 เท่า ทั้งนี้ เรามองว่าราคาหุ้น CPALL ที่ปรับตัวลงมา 8% ในสัปดาห์ที่แล้วเป็นจังหวะในการซื้อลงทุน
คาดผลการดำเนินงาน 2Q55 แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพาณิชย์
          เราคาดว่า CPALL จะรายงานกำไรสุทธิ 2Q55 ที่ 2.81 พันล้านบาท (+30%YoY, +2%QoQ) สาระสำคัญจาก
          1.คาดยอดขายเติบโต (+15%YoY, +4%QoQ) จากสมมติฐานการเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องที่ 150 แห่ง ใน Q2 และ Same Store Sales Growth (SSSG) ที่ 8% เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากอากาศร้อนในเดือน เม.ย. - พ.ค. และการถ่ายทอดฟุตบอลยูโร 2012 ในเดือนมิถุนายน กระตุ้นยอดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม (70% ของยอดขายรวม)
          2.คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นเป็น 25.4% จาก 24.8% ใน 2Q54 เนื่องจากยอดขายสินค้ามาร์จิ้นปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาหารพร้อมรับประทาน และอาหารสำเร็จรูปแช่เย็น (chilled mealbox) จากที่บริษัทเพิ่มจุดจำหน่ายเป็น 2,400 สาขา จาก 1,700 สาขา ในสิ้นปี 54
          3.แม้ค่าใช้จ่ายการขายและบริหารจะเพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และการปรับเพิ่มขึ้นของค่าสาธารณูปโภค แต่ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจะถูกชดเชยจากค่าใช้จ่ายภาษีที่ปรับลดลงตามนโยบายการปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลเหลือ 23% จาก 30% ในปีก่อน      
แคมเปญสะสมแสตมป์กระตุ้นยอดขายเติบโตต่อเนื่องใน 2H55
          CPALL เริ่มนำแคมเปญสะสมสแตมป์มาใช้ในเดือน ก.ค. - พ.ย. 2555 รวดเร็วกว่าปกติที่จะดำเนินการในช่วง 4Q ต่อเนื่องจนถึง 1Q ของปีถัดไป เพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าของซัพพลายเออร์ที่ลดลงหลังจากเผชิญเหตุการณ์อุทกภัยปลายปี 54 เรามองว่าแคมเปญสะสมสแตมป์จะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงาน 3Q-4Q55 ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง YoY และ QoQ แม้ว่าไตรมาส 3 จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของกลุ่มค้าปลีกของตาม อย่างไรก็ตาม คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารใน 3Q55 จะปรับเพิ่มขึ้นจากแคมเปญดังกล่าวเช่นกัน
คาดกำไรสุทธิขยายตัวเฉลี่ย 27% ในปี 55-56          เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท (+38.1%YoY) จากการเติบโตต่อเนื่องของยอดขาย จากกลยุทธ์การขยายสาขาต่อเนื่อง 500 สาขา/ปี และการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มเติม (ปัจจุบันมี 4 แห่ง และจะเปิดเพิ่มอีก 1 แห่งที่ลำพูนในปลายปี 55) เพื่อรองรับการขยายสาขาในต่างจังหวัด และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 56 เติบโตต่อเนื่อง 17.4%YoY ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท จากปัจจัยสนับสนุนการบริโภคแข็งแกร่งในประเทศ
-----------------------------------------------------------------------

อังคาร 31 ก.ค.2555--CPALL :
ที่มา : วิเคราะห์หุ้นรายวัน : บมจ.เคจีไอ

บมจ. ซี.พี. ออลล์   *ซื้อ  
คาดผลประกอบการไตรมาสที่ 2/55 จะเป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่ดี
ราคาปัจจุบัน (บ.)      33.25
ราคาเป้าหมาย (บ.)    46.00
Upside (%)          38.3
สรุปประเด็นสำคัญ และข่าวล่าสุด
     * คาดว่ากำไรไตรมาสที่ 2/55 เพิ่มขึ้น 23.7% YoY เป็น 2.6 พันล้านบาท
     * คงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 1.03 หมื่นล้านบาท
     * ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว
     * แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 46 บาท
     ผู้นำในตลาดร้านสะดวกซื้อ ที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิถึง 24.8% CAGR ในช่วงปี 2554-2557 มุมมองโดยรวมที่ได้จากการประชุมนักวิเคราะห์ของ CPALL เป็นเชิงบวก โดยคาดว่า same-store-sale growth (SSSG) ที่แข็งแกร่ง และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่สูง จะช่วยให้กำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาสที่ 2/55 เพิ่มขึ้น 23.7% YoY สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง เราคาดการขยายสาขา แคมเปญทางการตลาด และการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าใหม่ๆ  โดยเฉพาะกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน จะช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลายหลายของลูกค้า และทำให้กำไรสุทธิของ CPALL ในปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 28.8% ด้วยสถานะปลอดหนี้ของบริษัทและการเป็นผู้นำในตลาดร้านสะดวกซื้อซึ่งมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิถึง 24.8% CAGR ในช่วงปี 2554-2557 เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 46 บาท
สมมติฐานหลักในการทำประมาณการผลประกอบการไตรมาสที่ 2/55
     * การแข่งกีฬาระดับโลกและอากาศที่ร้อนช่วยสนับสนุนยอดขาย นอกจากเป้าหมายที่จะเปิดสาขาใหม่ปีละ 500 สาขาเป็น 6,776 สาขาในปีนี้แล้ว (ในครึ่งแรกมีการเปิดสาขาใหม่ 375 สาขา) การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 และอากาศที่ร้อนในไตรมาสนี้ยังช่วยเพิ่มความต้องการสินค้าในทุกหมวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งคิดเป็น  73.0% ของสินค้าทั้งหมด เราคาด SSSG ในไตรมาสที่ 2/55 จะอยู่ที่ 6.0-6.5% จาก 5.9% ในไตรมาสที่ 1/55 ซึ่งจะช่วยให้ยอดขายไตรมาสที่ 2/55 เพิ่มขึ้น 15.0% YoY เป็น 4.48 หมื่นล้านบาท
     * อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น และอัตราภาษีที่ลดลงช่วยสนับสนุนกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/55 เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในไตรมาสที่ 2/55 จะเพิ่มขึ้น 120 bps เป็น 26.0% จากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนของสินค้าประเภทอาหารซึ่งมีอัตรากำไรที่สูงถึง 25.0-26.0% นอกจากนี้อัตราภาษีนิติบุคคลที่ลดลงเหลือ 23.0% ก็มีส่วนช่วยชดเชยค่าแรงที่เพิ่มขึ้น (ประมาณ 300 ล้านบาทต่อไตรมาส) และทำให้กำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/55 เพิ่มขึ้น 23.7% YoY เป็น 2.6 พันล้านบาท
คงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีไว้ที่ 1.03 หมื่นล้านบาท
     การเพิ่มความหลากหลายของสินค้าใหม่ๆในร้าน 7-Eleven ทุกไตรมาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของอาหารพร้อมรับประทาน เช่นอาหารแช่แข็งและผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ช่วยตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า โดยในครึ่งหลังของปีนี้ แคมเปญทางการตลาด (การสะสมแสตมป์ใช้แทนเงินสด) ซึ่งเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/55 จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2555 คาดจะช่วยเพิ่มยอดการใช้จ่ายต่อบิล และทำให้บริษัทสามารถบรรลุเป้า SSSG ของเราในปีนี้ที่ 6.5% ได้ ขณะเดียวกัน เราคาดว่า GPM ของ CPALL จะอยู่ในระดับสูงที่ 25.2% ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 39 bps จาก 24.8% ในปี 2554  เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของสินค้าประเภทอาหารพร้อมรับประทาน และอาหารที่นำออกไปทานที่บ้าน ซึ่งมีอัตรากำไรสูง นอกจากนี้ ผลประโยชน์จากอัตราภาษีนิติบุคคลที่ลดลงก็ช่วยชดเชยค่าแรงพนักงานที่เพิ่มขึ้น และทำให้เราคงประมาณการกำไรสุทธิในปีนี้ไว้ที่ 1.03 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น28.8% YoY
ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว
     แม้จะมีความกังวลถึงการแข่งขันที่รุนแรง ในธุรกิจร้านค้าปลีกขนาดเล็ก เนื่องจากไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของพรบ. ควบคุมอาคาร ส่งผลให้ผู้ประกอบการ hypermarket รายอื่นเช่น Tesco Lotus และ BIG C (BIGC.BK/BIGC TB)* ขยายสาขาเพิ่มอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าตลาดยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว เพราะการที่เมืองขยายตัว ช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายในร้านสะดวกซื้อซึ่งขนาดและทำเลมีความเหมาะสมกับวิถีชีวิตของผู้คนเพิ่มขึ้น สำหรับ CPALL เป้าหมายเพิ่มจำนวนสาขาเป็น 7,000 สาขาในปี 2556 จาก 6,276 สาขาในปี 2554 และความหลากหลายของสินค้า ซึ่งสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ดี จะทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตของกำไรสูงถึง 24.8% CAGR ในช่วงปี 2554-2557
คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 46 บาท
     ด้วยสถานะปลอดหนี้ของบริษัทและการเป็นผู้นำในตลาดร้านสะดวกซื้อ เราจึงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 46 บาท
-----------------------------------------------------------------------
อังคาร 31 ก.ค.2555--CPALL :
ที่มา : วิเคราะห์หุ้นรายวัน : บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง

บมจ. ซีพีออลล์ (CPALL)    ถือ (Unchanged)
ราคาปิด (บาท)     :  33.25
ราคาเป้าหมาย (บาท):  38.00
คาดกำไรเติบโตแข็งแกร่ง 29% YoY
          ประเด็นการลงทุน : คาดกำไรเพิ่มขึ้น 29% YoY ใน 2Q55 จากการเปิดสาขาใหม่และยอดขายต่อสาขาเดิมที่เติบโตจากยอดขายสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นจากภาวะอากาศร้อนและการแข่งขันฟุตบอลยูโร ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องภายใต้การขยายสาขาตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 500 สาขา ยอดขายต่อสาขาเพิ่มขึ้น และ อัตรากำไรที่สูงขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง เราประเมินอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรในระยะเวลา 3 ปี เท่ากับ 14.1% อย่างไรก็ดี หุ้นซื้อขายที่ PER 30.4 เท่า เราจึงแนะนำ ถือ โดยให้ราคาเป้าหมาย 38 บาท

          คาดกำไรเติบโตต่อแม้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น : คาด CPALL รายงานกำไรสุทธิ 2Q55 เพิ่มขึ้น 1% QoQ และ 29% YoY เป็น 2,795 ล้านบาท จากการเปิดสาขาใหม่ประมาณ 170 สาขา (เพิ่มขึ้น 563 สาขา เมื่อเทียบ YoY) และ ยอดขายต่อสาขาคาดว่าจะเติบโต 4-5% จากการเพิ่มขึ้นทั้งยอดการใช้จ่ายต่อครั้งและจำนวนลูกค้าเข้าร้าน สภาพอากาศร้อนทำให้ยอดขายเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น และ การถ่ายทอดแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ในช่วงดึกทำให้ยอดขายอาหารเพิ่มขึ้น ขณะที่ซัพพลายเออร์ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมกลับมาผลิตสินค้าได้ตามปกติเกือบทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นราว 300 ล้านบาท/ไตรมาส ขณะที่ค่าไฟเพิ่มขึ้นเช่นกันจากปริมาณการใช้ไฟที่เพิ่มขึ้นและการปรับค่าไฟ แต่คาดว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจะถูกชดเชยด้วยภาษีจ่ายที่ลดลงภายใต้มาตรการลดภาษีจาก 30% เหลือ 23%

          แนวโน้มยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง : ผลประกอบการมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องใน 3Q55 จากการเปิดสาขาใหม่และยอดขายต่อสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้นจากการออกโปรโมชั่นแสตมป์ซึ่งเลื่อนจากที่เคยจัดช่วงเดือน พ.ย. - ก.พ. มาเป็นเดือน ก.ค. - พ.ย. ขณะที่การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคยังอยู่ในเกณฑ์ดี เรายังคงคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ที่ 9,839 ล้านบาท (1.09 บาท/หุ้น) เติบโต 23% โดยคาดว่าจำนวนสาขาจะเพิ่มเป็นประมาณ 6,800 สาขาในปีนี้ และ ครบ 7,000 สาขาในปีหน้าตามที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ อัตรากำไรจะปรับตัวสูงจากการเพิ่มจำนวนร้านขายสินค้าแช่เย็น (Chilled food) เป็นเกือบ 2,400 สาขา จาก 1,700 สาขาในปีก่อน และ คาดจะเพิ่มอีก 800-1,000 สาขาในปี 2556 ส่วนศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ (DC) ที่ลำพูน คาดจะเสร็จตามเป้าหมายในช่วงปลายปีนี้ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าในบริเวณภาคเหนือ โดยรวมแล้วเราคาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไร (CAGR) ในระยะเวลา 3 ปี (ปี 2555-2557) เท่ากับ 14.1% ซึ่งไม่รวมการขยายสาขาไปยังประเทศจีนและเวียดนามซึ่งยังต้องรออีกระยะหนึ่ง

          คงคำแนะนำ ถือ โดยให้ราคาเป้าหมาย 38 บาท : CPALL มีฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิ (Net cash) เงินลงทุนราว 5 พันล้านบาทสามารถนำมาจากกระแสเงินภายในกิจการ บริษัทยังคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลปีละครั้ง เราคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 2% ต่อปี โดยไม่คาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้น (Stock dividend) เหมือนปีก่อนอีก CPALL ซื้อขายที่ PER 30.4 เท่า เราแนะนำ ถือ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 38 บาทจากการประเมินมูลค่าหุ้นด้วย DCF
-----------------------------------------------------------------------