SAT : บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
หมวดธุรกิจ : ยานยนต์  www.satpcl.co.th

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
-----------------------------------------------------------------------
ศุกร์ 10 ส.ค.2555--SAT :
ที่มา : Analyst Comment : บล.เกียรตินาคิน

SAT  กำไรงวด Q2/55 ต่ำกว่าคาด 14% เพิ่มขึ้น 84% YoY แต่ลดลง 22% QoQ
มูลค่าเหมาะสม    36.60 บาท ราคาล่าสุด (9 ส.ค. 2555)   29.00 บาท
คำแนะนำ   ซื้อ
ประเด็นสำคัญ    

        * กำไรงวด Q2/55 เท่ากับ 161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% YoY แต่ลดลง 22% QoQ ต่ำกว่าที่เราคาด 14% เนื่องจากบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าคาด 2% และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงกว่าคาด 7% โดยบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 49% YoY และ 2% QoQ เป็น 2,234 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่คาด ซึ่งการเติบโตเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับอุตฯยานยนต์ไทยที่มียอดผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 61% YoY และ 10% QoQ รวมงวด 1H55 บริษัทมีกำไรเท่ากับ 368 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% YoY ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงคาดว่าเกิดจากการดำเนินงานโรงหล่อเหล็กใหม่ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
        * จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 1H55 จำนวน 0.30 บาท/หุ้น ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ที่ 0.40 บาท/หุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 21 ส.ค. 55 และกำหนดจ่ายในวันที่ 6 ก.ย. 55
ความเห็นนักวิเคราะห์   
        * คาดกำไรจะฟื้นตัวดีขึ้นในงวด 2H55 คงคำแนะนำ "ซื้อ" แม้ว่าการที่กำไรงวด Q2/55 ออกมาต่ำกว่าคาดอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อระดับราคาหุ้น SAT ในระยะสั้น และทำให้กำไรงวด 1H55 คิดเป็นเพียง 43% ของประมาณการกำไรทั้งปี 55 ที่เราคาดเท่ากับ 864 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรของบริษัทจะฟื้นตัวดีขึ้นในงวด 2H55 เนื่องจากบริษัทมีการขยายกำลังการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในกลุ่มที่มีอัตราการทำกำไรสูงเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง และคาดว่าการดำเนินงานโรงหล่อใหม่ในงวด 2H55 น่าจะมีประสิทธิภาพดีขึ้นจากงวด 1H55 โดยเรายังคงมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยงวด 2H55 มีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่งต่อเนื่องจากงวด 1H55 เราจึงยังคงคาดกำไรปี 55 ของบริษัทเท่ากับ 864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112% YoY
-----------------------------------------------------------------------

พุธ 1 ส.ค.2555--SAT :
ที่มา : KSS Company Update : บล.กรุงศรี จำกัด(มหาชน)

Stock Rating        BUY
Previous Rating     HOLD
Fair Value          Bt 34.00
Current Price       Bt 30.00
Upside/(Downside)   13%
Consensus (median)  Bt 32.71
Sector              Automotive
Sector Rating       Overweight
คาด 2Q55 กำไรฟื้นตัวโดดเด่น YoY
     จากการประชุม Analyst meeting เมื่อวานนี้เรามีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้น ต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัท คาด 2Q55 กำไรฟื้นตัวโดดเด่น YoY เนื่องจากปีก่อนรับผลกระทบจากสึนามิที่ญี่ปุ่นทำให้มีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบการผลิตที่ต้องนำเข้า  ภาพรวมทั้งปีเรามีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น 9% จากแนวโน้มยอดขายและอัตรากำไรที่ดีกว่าคาด โดยปรับมูลค่าพื้นฐานจากเดิมที่ 31 บาท เป็น 34 บาท และปรับคำแนะนำจากเดิม "ถือ" เป็น "ซื้อ"
2Q55 คาดกำไรจากการดำเนินงานเติบโต 8%QoQ และ 101%YoY
     เราคาดกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยน) ปรับเพิ่มขึ้น 8% QoQ และ 101% YoY เป็น 205 ล้านบาท  โดยเทียบ QoQ แม้ไตรมาสนี้ปกติจะเป็น Low season ของอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์เนื่องจากวันหยุดหลายวันติดต่อกันในเดือนเมษายน แต่ลูกค้าผู้ผลิตรถยนต์มีการเร่งการผลิตเพื่อรองรับอุปสงค์คงค้าง (Pent-up demand) ทำให้ SAT ยังรักษาระดับรายได้ทรงตัวจากไตรมาสก่อน  ในขณะที่เทียบ YoY กำไรฟื้นตัวโดดเด่นตามอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของประเทศ เนื่องจาก 2Q54 รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่น ทำให้มีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบที่ต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์ของประเทศฟื้นตัว 61%YoY เป็น 5.5 แสนคัน ในขณะที่ Utilization rate ของ SAT ปรับเพิ่มขึ้นจาก 2Q54 ที่ 60% เป็น 90% ในด้านประสิทธิภาพในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้นจากผลของขนาดยอดขายที่เพิ่มขึ้น และอัตราภาษีจ่ายจริง (Effective tax) ที่ลดลงจาก 2Q54 ที่ 15% เหลือ 9% (โรงงานที่บางนาสัดส่วนรายได้ราว 40% ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก 30% เหลือ 23%  ส่วนโรงงานที่ระยองสัดส่วนรายได้ 60% ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI อยู่แล้ว)
ปรับเพิ่มประมาณการจากแนวโน้ม 2H ที่ดีกว่าคาด
     ผลประกอบการใน 2H55 คาดเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากออเดอร์ Axle shaft และ Coil spring  ที่มีมาร์จิ้นสูงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะปรับเพิ่มอย่างมีนัยจาก 1H55 ที่ 17% เป็น 21%  ในขณะที่ภาพรวมปี 55 เราปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น 9% เป็น 954 ล้านบาท จากการปรับสมมติฐานยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดิม 2.1 ล้านคันเป็น 2.2 ล้านคัน (เติบโต50%YoY) ตามที่ทางสภาอุตสาหกรรมและ TOYOTA คาดการณ์ มีผลต่อยอดขายของ SAT คาดเติบโต 40%YoY จากเดิม 35% และปรับอัตรากำไรขั้นต้นจากเดิม 18% เป็น 18.8%   โดยผลประกอบการฟื้นตัวโดดเด่นจาก 1) ปี 54 ผลประกอบการของบริษัทได้รับผลกระทบจาก 2 เหตุการณ์คือ เหตุการสึนามิที่ญี่ปุ่นใน 2Q54 และน้ำท่วมพื้นที่ภาคกลางใน 4Q54  ส่วนปี 55 รับประโยชน์จากมาตราการลดภาษีสำหรับรถคันแรกกระตุ้นยอดขายรถในประเทศ 2) ลูกค้ารายใหญ่ของ SAT ได้แก่ MITSUBISHI (สัดส่วนรายได้ 28%) มีการเพิ่มกำลังการผลิตเท่าตัว จาก 2.4 เป็น 4.6 แสนคัน เพื่อผลิตรถอีโคคาร์ และ คูโบต้ามีแผนเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิม 30% YoY ซึ่งคาดว่าสัดส่วนรายได้จะเพิ่มจากปีก่อน 10% เป็น 15%
ปี 56 - 57 คาดเติบโตต่อเนื่อง
     แนวโน้มผลประกอบการใน 2 ปีข้างหน้าคาดยังเติบโตดีต่อเนื่อง ตามอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของประเทศ ที่ทางสภาอุตสาหกรรมประเมินเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี โดยเฉพาะโมเดลอีโคคาร์จาก 5 ค่ายรถยนต์ที่ต้องผลิตให้ครบ 1 แสนคันภายใน 5 ปีตามข้อกำหนัดของ BOI  ในด้านอัตรากำไรคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากการลดการ Outsource และเพิ่มการผลิตจากโรงงานใหม่ ICP2 ที่คาดว่า Utilization จะเพิ่มจากปัจจุบันที่ 50% เป็น 80% ในปี 56 และ 100% ในปี 57  นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนในการรุกตลาดต่างประเทศ ไปยังอินโดนีเซีย และ อินเดีย ในการรับจ้างผลิตชิ้นส่วน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเจรจา และคาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายปีนี้
ปรับคำแนะนำจาก "ถือ" เป็น "ซื้อ"  
     จากแนวโน้มผลประกอบการที่ฟื้นตัวโดดเด่นกว่าคาด ทำให้เรามีการปรับมูลค่าพื้นฐานปี 55 จากเดิมที่ 31 บาท  เป็น 34 บาท และจะปรับเพิ่มเป็น 38 บาทในปี 56  (อิงกับ 12xP/Eค่าเฉลี่ยของกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์) ในขณะที่ SAT มีระดับ ROE เฉลี่ยในปี 55 - 56 ที่ 19.5% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 14
-----------------------------------------------------------------------
พุธ 1 ส.ค.2555--SAT :
ที่มา : Company Focus : บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส

SAT                 คำแนะนำ ซื้อ
ราคาปิด 30.00 บาท    ราคาพื้นฐาน 36.50 บาท (เดิม 33.00 บาท)
กำไรสดใสต่อเนื่อง

    * เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q55 อยู่ในเกณฑ์แข็งแกร่ง เพิ่ม 128% y-o-y เป็น 200 ล้านบาท (EPS 0.59 บาท) ถือว่าสามารถฟื้นตัวได้ดีมากหลังเกิดเหตุน้ำท่วม รายได้เติบโต 53% y-o-y เป็น 2.3 พันล้านบาท เนื่องจากการผลิตรถยนต์ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 2Q55 ที่ 5.51 แสนคัน เทียบกับ 3.41 แสนคันใน 2Q54 อัตรากำไรขั้นต้นก็ควรจะฟื้นตัวดีขึ้นเป็น 17.5% เทียบกับ y-o-y หรือ 2Q54ที่ 15.2% อันเป็นผลพวงจากการขายชิ้นส่วนรถกระบะที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งอัตราการใช้กำลังการผลิตได้เพิ่มเป็น 90% เทียบกับ 60% ใน 2Q54 ส่วนสาเหตุที่กำไรลดลง q-o-q เพราะค่าใช้จ่ายอื่นๆ และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนใน 2Q55
    * เราได้มีการปรับเพิ่มประมาณการผลิตรถยนต์ปีนี้เป็น 2.2 ล้านคัน (+50% y-o-y) สืบเนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับรถกระบะและรถขนาดเล็ก ส่วน SAT นั้น เราคาดว่าผลการดำเนินงานใน 2H55 ก็ยังแข็งแกร่งมาก เพราะจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตในสินค้า axle shaft, fly wheel และ stabilizer bar และมีการวางจำหน่ายตามมา ส่วนโครงการที่ต่างประเทศคือ อินโดนีเซียนั้น ผู้บริหารได้ให้ความเห็นว่าจะจบลงได้ประมาณ 4Q55 เราเห็นว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดี เพราะตลาดอินโดนีเซียนั้นมีศักยภาพสูงและมีตลาดภายในประเทศสำหรับรถกระบะรองรับอยู่เป็นอย่างดี
    * คงคำแนะนำ ซื้อ หลังจากที่เราได้มีการปรับประมาณการยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศ เราได้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 และ 56 อีกในอัตรา 1% และ 1.3% ตามลำดับ ส่วนการประเมินราคาพื้นฐานได้เปลี่ยนปีไปยังปี 56 จากเดิมปี 55 ได้ราคาพื้นฐานใหม่ที่ 36.50 บาท (เดิม 33.00 บาท) ซึ่งใช้ P/E ปี 56 ที่ 11 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีกถึง 22%
-----------------------------------------------------------------------