TOP : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
หมวดธุรกิจ : พลังงานและสาธารณูปโภค   www.thaioilgroup.com

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
-----------------------------------------------------------------------
พุธ 8 ส.ค.2555--TOP :
ที่มา : Results Comment : บล.ธนชาต

Thai Oil  (TOP TB) - U.R., Price Bt63.50, TP U.R.
2Q12 ผลการดำเนินงานเป็นไปตามคาด ขาดทุน 6.9 พันลบ.

     * TOP รายงานผลขาดทุนสุทธิ 6.9 พันลบ. ในช่วง 2Q12 หากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทฯ จะมีผลขาดทุนปกติ 6.5 พันลบ. เป็นไปตามที่เราคาด แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาด และเทียบกับในช่วง 2Q11 ที่มีกำไร 3.2 พันลบ. และ 5.2 พันลบ. ใน 1Q12
     * โดยมีปัจจัยกดดันหลักจากการขาดทุนสต๊อกน้ำมันจำนวนมากที่ US$10/bbl หรือ 8.3 พันลบ. เนื่องจากราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ยลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าราว US$28/bbl (เดือน มี.ค. เฉลี่ยอยู่ที่ US$122.40/bbl เทียบกับเดือน มิ.ย. เฉลี่ยที่ US$94.50/bbl)
     * ซึ่งทำให้ EBITDA ติดลบ 4.8 พันลบ.
     * สำหรับธุรกิจหลัก: EBITDA ของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันลดลงอย่างมากเนื่องจากการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน ขณะที่ EBITDA ของธุรกิจอะโรเมติกส์ถูกกดดันโดยการลดลงของ PX spread ทั้ง y-y และ q-q ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานดีขึ้นเล็กน้อย q-q แต่ลดลงอย่างมาก y-y เนื่องจาก spread ที่อยู่ในระดับที่สูงอย่างมากเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากอุปทานที่ตึงตัว
     * สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้า: บริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย) จำกัด (IPT) กลับมาดำเนินงาน ดังนั้นอัตราดำเนินงานของ IPT จึงดีขึ้น q-q แต่ยังคงต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
     * แนวโน้มในอนาคต: เราคาดว่าการดำเนินงานของ TOP จะดีขึ้นอย่างมาก เนื่องจาก 1) GRM แข็งแกร่ง QTD ที่ US$9.4/bbl (US$6.7/bbl ใน 2Q12) 2) Benzene-ULG95 spread QTD เพิ่มขึ้นราว 60% มาอยู่ที่ US$170/tone และ 3) เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นตั้งแต่ 2Q12 และในช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่มีความต้องการสูง จึงไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างมากว่าจะมีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันในช่วง 2H12 
     * แม้ GRM และ Benzene spread ไม่น่าจะยืนอยู่ในระดับสูงได้นาน เนื่องจากภาวะอุปทานที่ตึงตัวชั่วคราวน่าจะกลับมาดำเนินงานได้ก่อนสิ้นปี แต่ Spreads น่าจะยังคงเป็นบวก (ดูบทวิเคราะห์ "เก็งกำไร TOP" ฉบับวันที่ 17 ก.ค.12)  
     * เราอยู่ในช่วงทบทวนราคาเป้าหมาย เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับราคาเป้าหมายของเราแล้ว (65 บาท/หุ้น)
-----------------------------------------------------------------------

พุธ 8 ส.ค.2555--TOP :
ที่มา : 2Q55 RESULTS NOTE : บมจ.หลักทรัพย์เอเชียพลัส

ไทยออยล์ (TOP) 
Stock Loss กดดัน 2Q55 ขาดทุนหนัก แต่ Stock Gain จะกลับเป็นกำไรสูงหนุน 3Q55        
คำแนะนำการลงทุน          ซื้อ
          ราคาปัจจุบัน  : 63.5 บาท
          Fair Value : 70.16 บาท
          มูลค่าตลาด   : 129,542 ล้านบาท
งวด 2Q55 จะเผชิญกับขาดทุนสุทธิถึง 6.9 พันล้านบาท มากกว่าคาด
     TOP ประกาศผลการดำเนินงานงวด 2Q55 เผชิญกับผลขาดทุนสุทธิถึง 6.9 พันล้านบาทพลิก จากกำไรสุทธิ 7.2 พันล้านบาท ในงวด 1Q55   และมากกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ที่ประเมินว่าจะขาดทุนราว 5.2 พันล้านบาท เนื่องจากประเมินผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน (stock loss) และการตีมูลค่าสต๊อกน้ำมันคงคลังโดยวิธี Lower Cost or Market (LCM) ไว้ต่ำเกินไป โดยในงวด 2Q55 TOP เผชิญกับ Stock Loss และขาดทุนจาก LCM สูงถึง 10.4 เหรียญฯต่อบาร์เรล ตามราคาปิดของน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวลดลงจากสิ้นงวด 1Q55 ที่สูงถึง 28 เหรียญฯต่อบาร์เรล ขณะที่รายการอื่นๆนั้นใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ โดยนอกจากการบันทึกขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดังกล่าวข้างต้นแล้ว ผลการดำเนินงานในงวด 2Q55 ที่ถึงขั้นเผชิญกับขาดทุนสุทธิอย่างมีนัยฯยังเป็นผลมาจาก 1) ผลการดำเนินงานของธุรกิจอะโรเมติกส์ (TPX) ที่ปรับตัวลดลงถึง 22%qoq จากการอ่อนตัวลงของ Spread ผลิตภัณฑ์หลักพาราไซลีน (PX-ULG95) ที่ปรับตัวลดลง 21%qoq มาเฉลี่ยอยู่ที่ 380 เหรียญฯต่อตัน  ทำให้ Product to feed margin ของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์โดยรวมลดลง 12%qoq มาเฉลี่ยอยู่ที่ 122 เหรียญฯต่อตัน  ขณะที่อัตราการเดินเครื่องโรงงานยังอยู่ในระดับปกติเท่ากับงวดก่อนหน้าที่ 82% และ 2) บันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 578 ล้านบาท ตามค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง 0.98 บาทต่อเหรียญฯ จากสิ้นงวดก่อนหน้า เทียบกับงวด 1Q55 ที่บันทึกเป็นกำไร อย่างไรก็ตามในงวด 2Q55 ยังมีธุรกิจของ TOP ที่เห็นการเติบโตจากงวดก่อนหน้าได้แก่ ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน (TLB) และธุรกิจโรงไฟฟ้า (IPT และ TP) ที่กำไรปรับตัวสูงขึ้น 4%qoq และ 122%qoq ตามลำดับ โดยรวมแล้วกำไรสุทธิของ TOP ในงวด 1H55 เท่ากับ 323 ล้านบาท ลดลงถึง 96.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เบื้องต้นยังคงประมาณการ...คาดงวด 2H55 มีโอกาสสูงที่จะบันทึก Stock Gain
     ในเบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2555 ถึงแม้กำไรงวด 1H55 จะคิดเป็นเพียง 4% ของประมาณการทั้งปี 2555 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ก็ตาม เนื่องจากคาดมีโอกาสสูงที่ในช่วง 2H55 บริษัทจะกลับมาบันทึกเป็นกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ตามมุมมองทิศทางราคาน้ำมันในช่วง 2H55 ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นกลังจากทำระดับต่ำสุดไปแล้วในงวด 2Q55 สะท้อนได้จากราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบในปัจจุบันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% จากสิ้นงวด 2Q55 มาอยู่ที่ 105.63 เหรียญฯต่อบาร์เรล อีกทั้งคาดผลการดำเนินงานปกติในช่วง 2H55 จะอยู่ในทิศทางฟื้นตัวหลังจากเผชิญกับจุดต่ำสุดของปีไปแล้วเช่นกันในงวด 2Q55 โดยคาดค่าการกลั่นจะยังยืนได้ในระดับสูง 4-5 เหรียญฯต่อบาร์เรล (ภายใต้สถานการณ์ปกติ แต่หากมีพายุเฮอริเคนเกิดขึ้นบริเวณอ่าวเม็กซิโกตามฤดูกาลและถึงขั้นทำให้ต้องมีการหยุดการผลิตน้ำมัน ก็จะยิ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นดีดตัวสูงขึ้นได้) จากความต้องการใช้ในภูมิภาคที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาปรับตัวสูงขึ้นตามสถานการณ์เศรษฐกิจ อีกทั้งยังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลรอมฎอนในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะทำให้ Demand ในน้ำมันก๊าซโซลีนปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค. ของทุกปี ยังเป็นช่วงที่โรงกลั่นหลายแห่งในโลกทั้งในทวีปเอเชีย, อเมริกา และยุโรป จะทำการหยุดเดินเครื่องซ่อมบำรุงเพื่อเตรียมการพร้อมในการเดินเครื่องในช่วงฤดูหนาว (ปลายงวด 4Q55) ซึ่งจะทำให้ Supply บางส่วนหายไปจากตลาดผลักดันราคาน้ำมันสำเร็จรูป  เช่นเดียวกับธุรกิจอะโรเมติกส์ที่คาด Spread ผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะพาราไซลีน (PX-ULG95) ในงวด 3Q55 จะฟื้นตัวมาอยู่ในระดับ 400-450 เหรียญฯต่อตัน จากการกลับมาสต๊อกวัตถุดิบใหม่อีกครั้ง (Restocking) อีกทั้งในงวด 3Q55 ยังเป็นช่วงฤดูกาลในการผลิตสินค้าเพื่อรองรับเทศกาลปลายปี จึงคาดจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของธุรกิจอะโรเมติกส์ได้
แนะนำซื้อ...โอกาสสูงที่จะ Outperform ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า
     ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2555 ภายใต้วิธี DCF เท่ากับ 70.16 บาทต่อหุ้น โดยยังคงคำแนะนำซื้อลงทุน จากภาพรวมอุตสาหกรรมที่น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วง 2H55    
-----------------------------------------------------------------------

อังคาร 24 เม.ย.2555--TOP :
ที่มา : วิเคราะห์หุ้นรายวัน : บมจ.เคจีไอ

บมจ. ไทยออยล์*
คาดการผลประกอบการ : เป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่กำไรดี    ซื้อ  
ราคาปัจจุบัน (บ.)      68.75
ราคาเป้าหมาย( บ.)    85.00
Upside (%)          23.6
สรุปประเด็นสำคัญ และข่าวล่าสุด
   * กำไรไตรมาสที่ 1/55 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 214% QoQ
   * แนวโน้มกำไรของ TOP ในปีนี้น่าจะเป็นไปในรูปแบบเดียวกับปีที่แล้ว
   * คงคำแนะนำ ซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 85.00 บาท
คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ทำกำไรสูงที่สุดในปีนี้
     เราคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1/55 ของ TOP จะอยู่ที่ 5.8 พันล้านบาท ลดลง 19.1% YoY แต่เพิ่มขึ้น 214% QoQ ซึ่งการเพิ่มขึ้น QoQ เป็นผลมาจากกำไรจากสต๊อกน้ำมันเป็นหลัก จากการที่ราคามาตรฐานน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 15.6% และการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI ในขณะที่การดำเนินงานในส่วนของโรงกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมียังค่อนข้างทรงตัว เราคาดว่า TOP จะประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1/55 ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2555 และเราคาดว่าตลาดจะตอบรับต่อผลประกอบการในเชิงบวก โดยประมาณการของเราสูงกว่าประมาณการเฉลี่ยของตลาดอยู่ 4%  ในระยะต่อไป เราคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการรายไตรมาสของ TOP จะอยู่ในรูปแบบเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว นั่นคือมีกำไรสุทธิสูงที่สุดในไตรมาสที่ 1 แล้วก็ลดลงในไตรมาสต่อๆมา เนื่องจากไม่มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน แต่ถึงแม้ว่าแนวโน้มกำไรจะลดลง แต่เรายังคงแนะนำให้ซื้อ TOP โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 85.00 บาทจากราคาหุ้นที่ไม่แพง ซึ่งจากประมาณการเฉลี่ยของ Bloomberg ราคาหุ้นของ TOP ในปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 9.3x ของ PE ปี 2555 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ discount จากหุ้นโรงกลั่นในภูมิภาคซึ่งซื้อขายอยู่ที่ 13.37x และหุ้นโรงกลั่นในประเทศซึ่งซื้อขายอยู่ที่ 10.3x
สมมติฐานหลักสำหรับประมาณการกำไรสุทธิไตรมาสที่ 1/55
     i)   อัตราการผลิตคาดว่าจะทรงตัว QoQ ที่ประมาณ 284,000 บาร์เรลต่อวันหรือคิดเป็นอัตรา 103% ซึ่งสูงกว่ากำลังการผลิตติดตั้งเล็กน้อย
     ii)  GRM ของตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 3.1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งทรงตัว QoQ แต่ลดลง 49.2% YoY (สุทธิจากน้ำมันเตาที่ใช้, crude premiums, และ yield configurations)
     iii) มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน 4.4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากการที่ราคามาตรฐานน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก
     iv)  ส่วนแบ่งกำไรจาก Thai Paraxylene (TPX) และ Thai Lube Base (TLB) คาดว่าจะทรงตัว QoQ ที่ 2.8-3.0 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
     v)   อัตราภาษีที่จ่ายจริงคาดว่าจะอยู่ที่ 11% ซึ่งเท่ากับไตรมาสที่ 4/54 โดยสาเหตุที่อัตรายังคงต่ำเป็นเพราะการใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ BOI
แนวโน้มผลประกอบการของ TOP ในปี 2555 คาดว่าจะอยู่ในรูปแบบเดียวกับปีที่แล้ว
     เราคาดว่ากำไรสุทธิรายไตรมาสของ TOP ในปีนี้จะสูงที่สุดในไตรมาสที่ 1/55 และจะลดลงในไตรมาสต่อๆ ไปเนื่องจากไม่มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ซึ่งจากสมมติฐานราคาน้ำมันดูไบปี 2555 ของเราที่ 106 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เรามองว่ามีโอกาสไม่มากที่บริษัทจะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันอย่างเป็นชิ้นเป็นอันอีก และก็ไม่น่าจะมีเหตุไม่คาดหมายที่จะทำให้กำไรดีกว่าที่คาด นอกจากนี้เรายังคาดว่ารูปแบบของกำไรจะเหมือนกับเหมื่อปีที่ผ่านมา ดังนั้นเราจึงเป็นโอกาสที่ราคาหุ้น TOP ในระยะกลางจะเข้าสู่จุดสูงสุดในไตรมาสที่ 2/55 หลังการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1/55 ในเดือนพฤษภาคม
     TOP ยังคงเป็นหุ้นเด่นของเราสำหรับกลุ่มปิโตรเลียมปลายน้ำในไตรมาสที่ 2/55 เนื่องจากบริษัทน่าจะมีผลประกอบการแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม จากกำไรจากสต๊อกน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง และอัตราภาษีที่จ่ายจริงที่ต่ำ
     เราแนะนำให้ซื้อโดยให้ราคาเป้าหมายที่ 85.00 บาท
-----------------------------------------------------------------------
จันทร์ 23 เม.ย.2555--TOP :
ที่มา : วิเคราะห์หุ้นรายวัน : บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง

บมจ. ไทยออยล์ (TOP)  ถือ (unchanged)
ราคาปิด (บาท)     :  69.75
ราคาเป้าหมาย (บาท):  71.00
กำไรเติบโต QoQ ตามทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม

          ประเด็นการลงทุน :  แม้ว่า Upside จากราคาเป้าหมายของเราที่ 71.00 บาทจะมีจำกัด อีกทั้งราคาปัจจุบัน TOP ซื้อขายด้วย PER และ PBV ที่ 10.5 เท่า และ 1.7 เท่า สูงกว่าคู่แข่งในภูมิภาคสะท้อนถึงความสามารถของโรงกลั่นที่สูงกว่าคู่แข่ง เรายังคงแนะนำเชิงปัจจัยพื้นฐานเป็น ถือ  แม้ว่าแนวโน้มผลประกอบการ 1Q55 ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด QoQ และผลประโยชน์จากภาษีที่ได้รับเพิ่มเติมจาก BOI ซึ่งยังไม่ถูกรวมเข้าไว้ในประมาณการของเราก็ตาม แต่ราคาหุ้นได้สะท้อนประเด็นบวกดังกล่าวไปบ้างแล้ว
          คาดกำไรลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ ตามทิศทางอุตสาหกรรม : เราประเมินกำไรของ TOP ใน 1Q55 ที่ 5,738 ล้านบาท ลดลง 20.6% YoY แต่เพิ่มขึ้น 208% QoQ เป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมโรงกลั่น ที่มีผลประกอบการลดลง YoY ตามค่าการกลั่น กำไรจากสต๊อกน้ำมันและส่วนต่างผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ที่ลดลง ขณะที่ผลประกอบการเติบโตขึ้น QoQ เกิดจากกำไรทั้งในส่วนของโรงกลั่นและอะโรเมติกส์ที่เพิ่มขึ้น สมมติฐานหลักสำหรับคาดการณ๋ผลประกอบการ 1Q55 ได้แก่ ค่าการกลั่นพื้นฐานที่ 4 เหรียญต่อบาร์เรล  (-34.4% YoY, +29.0% QoQ) กำไรจากสต๊อกน้ำมันประเมินไว้ที่ 5.1 เหรียญต่อบาร์เรล (-13.6% YoY, +750% QoQ) ส่วนต่าง PX-ULG95 อยู่ที่ 482 เหรียญต่อตัน (-28.0% YoY, +3.4% QoQ) ส่วนต่าง BZ-ULG95 อยู่ที่ 73 เหรียญต่อตัน (-60.5% YoY, +711% QoQ) ส่งผลให้กำไรขั้นต้นจากธุรกิจรวมคาดว่าจะอยู่ที่ 11.8 เหรียญต่อบาร์เรล (-24.4% YoY, +87.3% QoQ) รายการพิเศษสำหรับไตรมาสนี้ไ ด้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 525 ล้านบาทตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
          ผลประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนโครงการลดมลภาวะเป็น Upside ต่อประมาณการ : TOP มีโครงการที่ได้รับการอนุมัติแล้วจาก BOI ประมาณ 100 ล้านเหรียญ และอยู่ระหว่างการขออนุมัติเพิ่มเติมอีก 200 ล้านเหรียญคาดได้ข้อสรุปภายในปีนี้ TOP สามารถเลือกใช้สิทธิดังกล่าวภายใน 8 ปี โดยใน 4Q54 บริษัทได้ใช้ไปแล้ว 502 ล้านบาท และอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อนำมาใช้เพิ่มเติมใน 1Q55 และไตรมาสที่เหลือ ซึ่งเรายังไม่รวมเข้าไว้ในประมาณการของเราเนื่องจาก TOP ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดว่าจะสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร ปัจจัยดังกล่าวถือเป็น Upside risk ต่อประมาณการใน 1Q55 ของเราด้วยเช่นกัน
          คงคำแนะนำ ถือ ด้วยราคาเป้าหมาย 71.00 บาท : จากความสามารถของโรงกลั่นที่สูงกว่าคู่แข่ง ทำให้ TOP ควรถูกซื้อขายที่สูงกว่าโรงกลั่นอื่น ณ ราคาปัจจุบัน TOP มี PER และ PBV ที่ 10.5x และ 1.7x  ถือว่าสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตามจากอัพไซด์จากราคาเป้าหมายของเราที่ 71.00 บาท ที่มีจำกัด เราจึงแนะนำเพียง ถือ โดยในเชิงกลยุทธ์นักลงทุนอาจพิจารณาทยอยขายทำกำไรเมื่อราคาปรับสูงขึ้น จากแรงเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q55 ที่คาดว่าจะออกมาดี และรอซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว จากความเสี่ยงต่อแนวโน้มผลประกอบการ 2Q55 ที่อาจอ่อนตัวลง QoQ จากกำไรสต๊อกน้ำมันที่ลดลง หรืออาจพิจารณาเปลี่ยนไปลงทุนในหุ้น BCP ที่ปัจจุบันซื้อขายถูกกว่า และยังคงมีอัพไซด์อยู่อีก 18.4%
-----------------------------------------------------------------------