BGH : บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)
หมวดธุรกิจ : การแพทย์  www.bangkokhospital.com

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
-----------------------------------------------------------------------
จันทร์ 30 ก.ค.2555--BGH :
ที่มา : วิเคราะห์หุ้นรายวัน : บมจ.เคจีไอ

บมจ. รพ. กรุงเทพ  * กำไรในช่วง 2Q12 ยังเติบโตแข็งแกร่ง  ซื้อ  
ราคาปัจจุบัน (บ.)      98.00
ราคาเป้าหมาย (บ.)    113.00
Upside (%)          15.3
สรุปประเด็นสำคัญ และข่าวล่าสุด
    * คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/55 จะเพิ่มขึ้นถึง 44.0% YoY
    * คาดว่ากำไรสุทธิปี 2555 จะโตอย่างโดดเด่นถึง 34.5% YoY
    * BH เป็นหุ้นที่เราชอบสำหรับประเด็นของการที่อุตสาหกรรม medical tourism อยู่ในขาขึ้น
    * แนะนำให้ ซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 113 บาท
คงคำแนะนำซื้อโดยให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 113 บาท
     ในขณะที่เรายังคงคำแนะนำซื้อ BGH และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายซึ่งคำนวณโดยวิธี SoTP เป็น 113 บาทจาก 103 บาท เพื่อสะท้อนถึงการขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2556 แต่เราไม่ได้มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นตัวนี้มากเท่ากับเมื่อสองเดือนก่อนเพราะราคาหุ้นในปัจจุบันเหลือ upside จากราคาเป้าหมายของเราไม่มากแล้ว ซึ่งเหตุผลที่เราแนะนำให้ซื้อ BGH คือแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในอีก 2 ปีข้างหน้าซึ่งคาดว่าจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ SET และเรายังคงรู้สึกว่าตลาดยังประเมินศักยภาพในการเติบโตของกำไรของ BGH ต่ำเกินไป ทั้งนี้ความเห็นของผู้บริหารที่เราได้จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมายังคงเป็นเชิงบวก และสิ่งที่เราได้จากการประชุมก็สร้างความมั่นใจให้กับเราว่าประมาณการกำไรจากการดำเนินธุรกิจหลักในปีนี้ที่คาดว่าจะโตถึง 51% YoY เป็น 5.8 พันล้านบาทน่าจะเป็นไปได้ ทั้งนี้คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2/55 จะเพิ่มขึ้นถึง 44.00% เป็น 1.3 พันล้านบาท ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาด กำไรสุทธิในครึ่งแรกของปีนี้จะคิดเป็น 47% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีของเรา ซึ่งตามปกติแล้วกำไรสุทธิในครึ่งหลังของปีมักจะดีกว่าครึ่งแรกเนื่องจากปัจจัยทางด้านฤดูกาล ทั้งนี้เราน่าจะเห็นนักวิเคราะห์ในตลาดปรับเพิ่มประมาณการขึ้นในขณะที่ประมาณการของเราสูงกว่าประมาณการเฉลี่ยอยู่ 6.0%  สำหรับเหตุผลที่เรามีมุมมองเป็นบวกน้อยกว่าก็เนื่องมาจากประเด็นที่นักวิเคราะห์ในตลาดและผู้บริหารของบริษัทให้น้ำหนักน้อยเกินไปในมุมมองของเรา นั่นก็คือการเพิ่มขึ้นอย่างมากของรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติ (23% YoY ในไตรมาสที่ 2/55 เมื่อเทียบกับ 13% ในกรณีของผู้ป่วยชาวไทย) ทั้งนี้รายได้ของ BGH มีการพึ่งพิงกับผู้ป่วยต่างชาติน้อยกว่า BH (BGH มีเพียง 27% ในขณะที่ BH สูงถึง 60% BH) ซึ่งแสดงว่า BH มีโอกาสมากกว่า BGHในการที่กำไรจะสูงเกินกว่าที่คาดและจะมีการปรับประมาณการขึ้น ดังนั้นเราจึงชอบ BH มากกว่า BGH จากการที่เป็นบริษัทที่จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ของการที่อุตสาหกรรม medical tourism อยู่ในขาขึ้น
คาดว่ากำไรสุทธิปี 2555 จะโตอย่างโดดเด่น
     เราคาดว่า BGH จะยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 2/55 โดยมีกำไรสุทธิ 1.30 พันล้านบาท (ลดลง 8.8% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 44% YoY) โดยกำไรสุทธิที่ลดลง QoQ ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเนื่องจากไตรมาสที่ 2 มักจะเป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการต่ำที่สุดในรอบปี ส่วนการที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น YoY นั้นน่าจะมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นถึง 16% YoY โดยเป็นผลมาจากรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 23% ในขณะที่ผู้ป่วยชาวไทยเพิ่มขึ้น 13%) และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นจาก operational leverage ที่สูง ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง และอัตราภาษีนิติบุคคลที่ลดลงเหลือ 23% (จาก 30%) ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่าตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/55 เป็นต้นไป ผลประกอบการของบริษัทจะไม่มีประเด็นเรื่องฐานเปรียบเทียบที่แตกต่างกันจากการรวมกิจการของโรงพยายาลพญาไท และโรงพยาบาลเปาโลเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากผลประกอบการของโรงพยาบาลทั้งสองแห่งรวมเข้ามาอยู่ในงบของบริษัทตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554
การลงทุนใหม่ที่อุดรธานีจะยังไม่สร้างกำไรในระยะสั้น
     ผู้บริหารได้พูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนในจังหวัดอุดรธานี โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการ brown-filed ซึ่งใช้เงินลงทุนรวม 850 ล้านบาท โดยจะเป็นโรงพยาบาลขนาด 120 เตียง ซึ่งมีความสามารถในการรอบรับผู้ป่วยนอกวันละ 500 ราย ทั้งนี้โรงพยาบาลแห่งนี้อยู่ระหว่างการตบแต่งปรับปรุงและจะเริ่มเปิดดำเนินการในเดือนหน้า ก่อนที่จะเปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในเดือนธันวาคม สำหรับในส่วนของเป้าหมายผู้ป่วยนั้นบริษัทมุ่งเป้าไปที่ผู้ป่วยระดับกลาง ดังนั้นบริษัทจึงน่าจะถึงจุดคุ้มทุนในปีที่สี่ที่เปิดดำเนินการเป็นอย่างเร็วหรือประมาณปี 2559 (เหมือนกับการลงทุนในโครงการโรงพยาบาล green-field ที่มุ่งเป้าที่ลูกค้าระดับ premium) 
-----------------------------------------------------------------------
จันทร์ 30 ก.ค.2555--BGH :
ที่มา : Company Focus : บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส

BGH    คำแนะนำ ซื้อ
ราคาปิด 98.00 บาท     ราคาพื้นฐาน 125.00 บาท
คาดกำไรสุทธิ 2Q55 น่าประทับใจ

       * เราคาดว่าบริษัทจะประกาศกำไรหลัก 2Q55 น่าประทับใจเป็น 1.2 พันล้านบาท ถือเป็นการเติบโต 36% y-o-y สืบเนื่องจากรายได้เพิ่ม 16% ซึ่งเป็นผลพวงจากรายได้เฉลี่ยต่อหนึ่งคนไข้ และปริมาณคนไข้ที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ข้อดีคือทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (economies of scale) และช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 34% เทียบกับ y-o-y ที่ 30% อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากำไรหลัก 2Q55 ลดลง 14% q-o-q
       * เราคาดว่าแนวโน้มในครึ่งหลังปีนี้ของ BGH ก็ยังคงแข็งแกร่ง แรงสนับสนุนมาจากรายได้เฉลี่ยต่อหนึ่งคนไข้ และปริมาณคนไข้ที่เพิ่มสูงขึ้นมาก เราคาดว่ากำไรจะสูงสุดใน 3Q55 เพราะเป็นฤดูฝนซึ่งประเทศไทยมักจะมีโรคไข้หวัดเกิดขึ้นมากในช่วงฤดูกาลนี้ ขณะเดียวกันทางด้านผู้บริหารได้มีการเพิ่มโรงพยาบาลอีก 3 แห่ง คือ อุดรธานี ระยอง และ เชียงใหม่ ระหว่างปี 55-57 ด้วยการใช้เงินลงทุน 2.6 พันล้านบาท ที่เงินทุนมาจากกระแสเงินสดภายในบริษัท อย่างไรก็ตามรายได้และกำไรจะยังคงต่ำในช่วงปีแรกๆ
       * คงคำแนะนำ ซื้อ กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 125 บาทต่อหุ้น (wacc 8.2%, terminal growth 3%) และคิดเป็น P/E ปี 56 ที่ 30 เท่า PEG ที่ 0.9 เท่า และ EV/EBITDA ที่ 15 เท่า BGH ยังคงน่าสนใจในเรื่องผลการดำเนินงานของธุรกิจที่ไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจ (defensive earnings) และมีการเติบโตอย่างยั่งยืน อีกทั้งการที่บริษัทมีการเข้าซื้อกิจการที่ผ่านมา ก็ทำให้สามารถครอบคลุมตลาดหัวเมืองหลักๆของไทยไว้ได้เป็นอย่างดี
-----------------------------------------------------------------------