DTAC : บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)
หมวดธุรกิจ : เทคโนโลยี  www.dtac.co.th

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
-----------------------------------------------------------------------
พฤหัสฯ 12 ม.ค.2555--DTAC :
ที่มา : COMPANY UPDATE : บมจ.บัวหลวง

คำแนะนำพื้นฐาน:       ซื้อ
เป้าหมายพื้นฐาน:       105.00 บาท
ราคา (11/01/12):    71.50 บาท
โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น
หุ้น 3 จีที่เราชอบมากที่สุด

     ประเด็นการลงทุน : เราแนะนำให้นักลงทุนมองข้ามกำไรสุทธิไตรมาส 4/54 จนถึงปี 2555 ซึ่งมีแนวโน้มอ่อนตัวลง (เนื่องจากการบันทึกค่าชดเชยจากสัญญาณล่มจำนวน 3 ครั้ง ส่วนแบ่งรายได้ที่จ่ายให้กับกสท.เพิ่มขึ้น รวมถึงสำรองพิเศษภาษีเงินได้รอตัดบัญชีซึ่งบันทึกครั้งเดียว) เราคิดว่านักลงทุนจะหันไปให้ความสำคัญและให้ความสนใจกับประเด็นความคืบหน้าของการเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จีมากกว่า ซึ่ง DTAC ถือว่ามีอัพไซด์จากใบอนุญาต 3 จีสูงสุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นภายใต้สมมติฐานว่า DTAC ชนะการประมูลใบอนุญาต 3 จีของกสทช.ที่จะมาถึง เราประเมินว่าราคาหุ้น DTAC หลังจากวันที่ขึ้นเครื่อง XD เงินปันผลพิเศษ 16.46 บาทต่อหุ้นน่าจะถือว่าเป็นโอกาสสำหรับการเข้าสะสมหุ้น DTAC อีกครั้งจากเหตุผลของความคืบหน้าของการเปิดประมูลใบอนูญาต 3 จีในอีก 9 เดือนข้างหน้าซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้น DTAC มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น DTAC จากเหตุผลได้แก่ 1) อัพไซด์เทียบกับมูลค่า DCF ของเราที่รวมใบอนุญาต 3 จีแล้วสูงถึง 47% และ 2) อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับดีที่ 7%
     กำไรหลักไตรมาส 4/54 มีแนวโน้มลดลง: เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/54 ที่ 2.2 พันล้านบาท หรือลดลง 25% YoY และ 28% QoQ ในไตรมาสนี้คาดว่าบริษัทจะทำการบันทึกรายการพิเศษที่ไม่ใช่เงินสดได้แก่ สำรองค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอตัดบัญชีจำนวน 280 ล้านบาท (ซึ่งเป็นผลเนื่องจากการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% ในปีนี้ และเหลือ 20% ตั้งแต่ปี 2556) แต่หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว เรายังคงคาดว่ากำไรหลักไตรมาส 4/54 มีแนวโน้มลดลง 16% YoY และ 19% QoQ เนื่องจาก 1) ส่วนแบ่งรายได้ที่จ่ายให้กสท.เพิ่มขึ้นอีก 5% ซึ่งจะมีผลกระทบเต็มไตรมาส (มีผลเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2554 เป็นต้นไป) และ 2) การบันทึกค่าชดเชยสัญญาณล่มเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2554 จำนวน 300 ล้านบาท
     ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2554 : เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2554 ลงอีก 3% เป็น 11.63 พันล้านบาทเพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายจากสำรองภาษีเงินได้รอตัดบัญชีในไตรมาส 4/54 จำนวน 280 ล้านบาทซึ่งจะทำการบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายงวดเดียว
     สัญญาณล่ม 3 ครั้งเป็นแค่ปัจจัยลบระยะสั้น : DTAC มีปัญหาสัญญาณล่ม 3 ครั้งภายใน 3 สัปดาห์เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2554, 5 ม.ค.และ 8 ม.ค. 2555 หลังจากที่สัญญาณล่มสองครั้งแรกบริษัทได้ทำการประกาศหยุดการอัพเกรดโครงข่าย โดยการอัพเกรดโครงข่ายจะดำเนินการต่อเมื่อ DTAC มั่นใจกว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งใหม่จะสามารถเชื่อมต่อกันได้กับโครงข่ายเดิม เราคาดว่าจะมีการจ่ายค่าชดเชยจำนวน 300 ล้านบาทสำหรับกรณีสัญญาณล่มในครั้งแรก (ซึ่งจะกระทบกำไรสุทธิไตรมาส 4/54 คิดเป็น 14%) และค่าชดเชยจำนวน 70-90 ล้านบาทสำหรับกรณีสัญญาณล่มในครั้งที่สองและสามรวมกัน (ซึ่งจะกระทบกำไรสุทธิในไตรมาส 1/55 คิดเป็นเพียงแค่ 3-4%)

-----------------------------------------------------------------------
อังคาร 10 ม.ค.2555--DTAC :
ที่มา : Company Update : บล.คันทรี่ กรุ๊ป

บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น DTAC  
DTAC: คาดต้นทุนค่าสัมปทานที่เพิ่มขึ้นจะกดดันผลประกอบการ 4Q54
     คาดกำไรในไตรมาส 4/53 อยู่ในระดับ 2.36 พันลบ. (-23%QoQ, -20%YoY) เนื่องจากในช่วง 4Q54 บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการปรับเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ (Revenue Sharing) จาก 25% เป็น 30% ซึ่งเริ่มตั้งแต่ ก.ย.54 ส่งผลให้ต้นทุนการให้บริการ (Cost of Service Incl. IC) ในช่วง 4Q54 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8%YoY และเพิ่มขึ้น 10%QoQ นอกจากนี้บริษัทฯอาจจะต้องมีการบันทึกรายการพิเศษ (ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอตัดบัญชี) เพิ่มขึ้นอีกราว 245 ลบ. หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงจาก 30% เหลือ 23% ในปี 55 และ 20% ในปี 56 และปี 57 ขณะที่ทางด้านรายได้จากการให้บริการ คาดว่าจะสามารถเติบโต 4%QoQ เนื่องจากผลของปัจจัยด้านฤดูกาล ประกอบกับการใช้งานด้านข้อมูลน่าจะยังสามารถเติบโตในระดับสูง หลังจากที่บริษัทฯได้เปิดให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่เดิม จำนวน 1220 สถานีฐาน ไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เราคาดว่าในช่วง 4Q54 บริษัทฯ จะยังคงเป็น Net IC receiver ในระดับ 300 ลบ. ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับในไตรมาสก่อน ทำให้ในส่วนของผลประกอบการสุทธิคาดว่าจะลดลง 20%YoY มาอยู่ที่ 2,355 ลบ. (EPS 0.99 บาท/หุ้น) ซึ่งเมื่อรวมกับผลประกอบการ 9M54 ที่มีกำไรสุทธิ 9,433 ลบ. (EPS 3.98 บาท/หุ้น) คาดกำไรทั้งปี 54 จะเติบโตขึ้นราว 8% YoY มาอยู่ที่ 11,788 ลบ. (EPS 5.08 บาท)  
     แนวโน้มผลประกอบการปกติปี 55 คาดว่าจะอ่อนตัวลงราว 1%YoY มาอยู่ที่ 11,888 ลบ. จากการประเมินผลกระทบของส่วนแบ่งรายได้ที่ถูกปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 5%, ภาระดอกเบี้ยจ่ายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น หลังจากที่บริษัทฯมีแผนที่จะกู้เงิน ในวงเงิน 3 หมื่นลบ. (แบ่งเป็นเงินกู้ระยะยาว ระยะเวลา 5 ปี จำนวน 2 หมื่นลบ. และเงินกู้ยืมระยะสั้น 1 หมื่นลบ.) เพื่อใช้สำหรับจ่ายเงินปันผลและลงทุนในโครงข่ายต่างๆ และภาษีจ่ายที่ลดลง หลังจากการปรับอัตราภาษีลดลงจาก 30% เหลือ 23% ในปี 55 เราประเมินว่าผลประกอบการปกติในปี 55 ของ DTAC จะลดลงจากปีก่อนราว 1% มาอยู่ที่ 11,888 ลบ. (EPS 5.02 บาท/หุ้น) ขณะที่เรายังไม่ได้รวมผลกระทบเชิงบวกจากแผนการลดต้นทุนของบริษัทฯ ซึ่งคาดว่าจะมีรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้นหลังจากวันประกาศงบปี 54 (วันที่  6 ก.พ. 55)
     ยังคงมูลค่าเหมาะสมที่ 73.50 บาท และแนะนำ "ขาย" ถึงแม้ว่าปัจจุบัน DTAC จะซื้อขายที่ระดับ PER ปี 55 ที่ 13.70 เท่า ใกล้เคียงกับระดับ PER ของคู่แข่งอย่าง ADVANC ที่ซื้อขายที่ระดับ PER ปี 55 ราว 13.54 เท่า แต่ในส่วนของอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 55 ในกรณีที่ประเมินจากนโยบายปันผลของบริษัทฯ ที่จะจ่ายปันผลในอัตราที่ไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไร ดังนั้นจึงมีโอกาสที่บริษัทฯ อาจจะจ่ายอัตราผลตอบแทนเพียง 3.65%ต่อปี (ณ.ระดับ Dividend Payout 50%) ซึ่งเมื่อเทียบกับ ADVANC ที่มีนโยบายการจ่ายปันผล 100% ของกำไร ทำให้อัตราปันผลจ่ายของ ADVANC อยู่ในระดับที่สูงกว่า สำหรับ DTAC เราแนะนำ "ขาย" เนื่องจากเรามองว่าผลประกอบการระยะสั้น (ในช่วง 1-2 ไตรมาสข้างหน้า) มีโอกาสที่ชะลอตัวลง ขณะที่ผลประกอบการปี 55 คาดว่าจะทำได้เพียงทรงตัวใกล้เคียงกับปี 54 เท่านั้น นอกจากนี้ Upside จากมูลค่าเหมาะสมของเรายังเหลืออีกไม่มาก (~7%) และปัจจัยบวกที่อาจเข้ามาสนับสนุนการเก็งกำไรใน DTAC มีเพียงเรื่องการประมูลใบอนุญาต 3G-2.1GHz ของ กสทช. ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วง 2H55 เท่านั้น

-----------------------------------------------------------------------
จันทร์ 9 ม.ค.2555--DTAC :
ที่มา : DAILY STOCK : บล.เกียรตินาคิน

DTAC  (Total Access Communication PCL.)
Sector :  Communication
คำแนะนำ                  ซื้อเมื่ออ่อนตัว
Fair Value'55 (Bt)       85.00
Closed Price (Bt)        68.75
Upside Gain              24%
Dividend Yield 55F       4.9%
     ผู้บริหาร DTAC ชี้แจงระบบสัญญาณล่มซ้ำ เกิดจากการปรับปรุงอุปกรณ์สถานีชุมสาย ไม่ใช่สาเหตุเดียวกับที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.54 โดยครั้งนี้กระทบลูกค้าประมาณ 1.8 ล้านราย ซึ่งบริษัทจะชดเชยค่าโทร 48 ชม. และจะมีมาตรการเยียวยาอื่นเพิ่มเติมให้ เรามองว่าหาก DTAC ยังไม่สามารถบริหารเครือข่ายให้กลับมามีคุณภาพตามเดิม และเกิดปัญหาซ้ำอีก จะบั่นทอนความเชื่อมั่นด้านคุณภาพบริการและมีความเสี่ยงถูกยกเลิกบริการสูงขึ้น รวมถึงอาจเสียส่วนแบ่งตลาดให้คู่แข่ง สำหรับการชดเชยค่าโทร 48 ชม. จากปัญหาครั้งที่ 2 เราประเมินเบื้องต้นจะทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มประมาณ 30 ล้านบาท ใน 1Q/55 นอกจากนี้การที่ DTAC จะมีมาตรการเยียวยาเพิ่มเติม และฟื้นฟูความเชื่อมั่นลูกค้า จะทำให้มีค่าใช้จ่ายในปีนี้สูงกว่าที่ประมาณการไว้ ทั้งนี้แม้ปัจจัยพื้นฐาน DTAC ปัจจุบัน ยังไม่เปลี่ยนจากปัญหาที่เกิดขึ้น แต่การขาดปัจจัยบวกใหม่ในระยะสั้น และกังวลปัญหาที่เกิดขึ้น จะกดดันราคาหุ้นมีโอกาสอ่อนตัวลง แนะนำ "ซื้อ" เมื่อราคาอ่อนตัว
ปัญหาระบบสัญญาณ DTAC ล่มซ้ำ บั่นทอนความเชื่อมั่นคุณภาพการให้บริการ  
     ผู้บริหาร DTAC เข้าชี้แจ้ง กสทช. กรณีปัญหาระบบสัญญาณล่มซ้ำเมื่อวันที่ 5-6 ม.ค.ที่ผ่านมา เกิดจากการปรับปรุงอุปกรณ์สถานีชุมสาย ไม่ใช่สาเหตุเดียวกับที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.54 โดยครั้งนี้มีผลกระทบกับลูกค้าประมาณ 1.8 ล้านราย ในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด และหลายพื้นที่ของประเทศ ส่วนการชดเชยให้กับลูกค้าจะชดเชยค่าโทรรวม 48 ชม. ให้แก่ลูกค้า 1.8 ล้านราย และจะมีมาตรการเยียวยาอื่นๆ ตามมา เช่น ลดค่าบริการเดือนถัดไป 2 วัน หลังหารือภายในก่อน
     เรามองว่าการแสดงความรับผิดชอบ และชดเชยผลกระทบให้กับลูกค้าเป็นเรื่องที่ต้องทำ แต่การที่ DTAC ยังไม่สามารถบริหารเครือข่ายโทรศัพท์มือถือให้กลับมามีคุณภาพตามเดิม และเกิดปัญหาซ้ำอีก จะเป็นปัจจัยลบบั่นทอนความเชื่อมั่นด้านคุณภาพการให้บริการของ DTAC ต่อลูกค้าที่มีอยู่ประมาณ 23 ล้านคน และเพิ่มความเสี่ยงด้านอัตราการถูกยกเลิกบริการสูงขึ้น (Churn rate)
ผลจากมาตรการเยียวยา และฟื้นฟูความเชื่อมั่น จะทำให้ค่าใช้จ่ายปีนี้สูงกว่าที่ประมาณการไว้
     กรณีระบบสัญญาณของ DTAC เกิดปัญหาครั้งแรก เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.54 เราประเมินผลกระทบจากการไม่คิดค่าโทรรวม 48 ชม. ให้กับลูกค้า 22.8 ล้านราย จะกระทบรายได้ใน 4Q/54 ประมาณ 2% ของรายได้รวม หรือเป็นจำนวนประมาณ 300 ล้านบาท ไว้แล้วในประมาณการผลประกอบการ 4Q/54 อย่างไรก็ดีเราได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากฝ่าย IR ของ DTAC จะบันทึกการชดเชยเป็นค่าใช้จ่าย และจะมีการปรับ defer tax asset ตามอัตราภาษีใหม่ลดลงจากอัตราเดิม 30% ประมาณ 244 ล้านบาท ซึ่งเรายังไม่รวม
ในประมาณการ 4Q/54 หากรวมค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นประมาณ 500 ล้านบาท จะทำให้ผลประกอบการ 4Q/54 มีแนวโน้มต่ำกว่าที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 2,546 ล้านบาท
     สำหรับการชดเชยค่าโทร 48 ชม. ให้กับลูกค้า 1.8 ล้านราย จากปัญหาครั้งที่ 2 เราประเมินในเบื้องต้น จะกระทบค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นใน 1Q/55 ประมาณ 30 ล้านบาท นอกจากนี้เรามองว่า DTAC จะมีมาตรการเยียวยาเพิ่มเติม รวมทั้งมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นลูกค้าต่อคุณภาพการให้บริการ จะทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าประมาณการไว้ที่ไตรมาสละ 3,000 ล้านบาท และกระทบผลประกอบการปีนี้ ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 11,584 ล้านบาท ลดลง 3% จากปี 54
การเสียส่วนแบ่งตลาด และความล่าช้าของการทำ Network swap เพื่อลดต้นทุน จะกระทบปัจจัยพื้นฐานระยะยาว
     ปัจจุบัน DTAC ครองส่วนแบ่งตลาดจำนวนลูกค้า และรายได้จากการให้บริการประมาณ 33% รวมทั้งมีจำนวนสถานีเครือข่าย (Base stations) ประมาณ 10,764 สถานี เป็นอันดับ 2 รองจาก ADVANC โดยประมาณการปีนี้ของเราคาดว่า DTAC จะมีจำนวนลูกค้าใหม่ (Net adds) ประมาณ 1.5 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 54
     อย่างไรก็ดีเรากังวลต่อคุณภาพการให้บริการของ DTAC จากปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่สามารถยืนยันว่าจะไม่เกิดซ้ำอีก อาจทำให้ DTAC มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่ง นอกจากนี้การต้องหยุดโครงการ Network swap เพื่อหาสาเหตุของปัญหาที่ชัดเจน จะทำให้โครงการนี้ไม่เสร็จตามกำหนดในปีนี้ และยังไม่เห็นผลบวกของการทำ Network swap เพื่อลดต้นทุนในปีหน้า ซึ่งจะกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาว
แนะนำ "ซื้อ" เมื่อราคาอ่อนตัว แม้ปัจจัยพื้นฐาน DTAC ยังไม่เปลี่ยน แต่การขาดปัจจัยบวกในระยะสั้น และกังวลปัญหาที่เกิดขึ้น จะกดดันราคาหุ้นมีโอกาสอ่อนตัวลง
     DTAC กำหนดประกาศผลประกอบการปี 54 วันที่ 6 ก.พ.นี้ โดยผู้บริหารฯ จะให้มุมมองต่อเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ รวมทั้งแผนการลงทุน และแผนลดต้นทุนครั้งใหญ่ของบริษัท เพื่อรักษา EBITDA ไม่ให้ลดลง ทั้งนี้เรายังประมาณการผลประกอบการปี 55 ของ DTAC จะรายได้รวม IC 80,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% Y-O-Y และมีกำไรสุทธิ 11,584 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 4.88 บาท ลดลง 3% Y-O-Y เนื่องจากผลกระทบค่าใช้จ่ายส่วนแบ่งรายได้เพิ่มเป็น 30% เต็มปี และมีค่าใช้จ่ายการเงินเพิ่มขึ้น เราประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 55 (รวม Tax และ 3G) เท่ากับ 85 บาท (DCF WACC @ 8%) มี upside 24% จากราคาปัจจุบัน ประกอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ยังไม่ทำให้ปัจจัยพื้นฐาน DTAC เปลี่ยนแปลง แต่มองว่าการขาดปัจจัยบวกใหม่ในระยะยสั้น และความกังวลปัญหาที่เกิดขึ้น จะกดดันราคาหุ้นมีโอกาสอ่อนตัวลง

-----------------------------------------------------------------------