STA : บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)
หมวดธุรกิจ : ธุรกิจการเกษตร www.sritranggroup.com
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
-----------------------------------------------------------------------หมวดธุรกิจ : ธุรกิจการเกษตร www.sritranggroup.com
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ศุกร์ 17 ส.ค.2555--STA :
ที่มา : Company Update : บล.คันทรี่ กรุ๊ป
บมจ. ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี - STA
STA: 2Q55 โดนราคายางถล่มทำให้ขาดทุนสุทธิ 441 ล้านบาท
2Q55 ราคาลด ปริมาณหด + ตั้งสำรองต่างๆ กดดันขาดทุนหนัก
STA รายงานผลประกอบการในงวด 2Q55 มีรายได้ 24,618 ล้านบาท ลดลง 16%QoQ และ 30%YoY เป็นการลดลงทั้งในส่วนของปริมาณขายที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในเขตทวีปยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจในเอเชียรวมถึงประเทศจีน ที่เป็นตลาดสำคัญของทาง STA โดยปริมาณขายลดลง 18%QoQ และ 7%YoY ด้านราคาขายเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลงค่อนข้างมากตามทิศทางเดียวกับราคาในตลาดโลกโดยลดลงกว่า 25%YoY แต่หากเทียบกับ 1Q55 แล้วราคาขายปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย 2%QoQ แต่ปัจจัยหลักที่กดดันให้ผลประกอบการออกมาขาดทุนคือการปรับลดลงของราคายางพาราในช่วงปลายไตรมาส และทำให้ STA ต้องตั้งสำรองค่าเผื่อสินค้าคงเหลือเข้ามากว่า 381 ล้านบาท กดดันให้กำไรขั้นต้นในงวดดังกล่าวเหลือเพียง 2.7% ลดลงจาก 4.8% ใน 1Q55 และ 4.2% ใน 2Q54 นอกจากนี้ STA ยังมีการตั้งสำรองเพิ่มเข้ามาอีกมากอย่างขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงอีก 348 ล้านบาท ขาดทุนจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้ายางพาราอีก 303 ล้านบาท แม้ว่าจะมีการบันทึกกลับเงินค่าสงเคราะห์การทำสวนยาง (CESS) ที่จ่ายไปก่อนหน้านี้เข้ามากว่า 238 ล้านบาท ก็ไม่อาจทำให้ STA พ้นจากการขาดทุนไปได้ โดย STA รายงานผลขาดทุนจำนวน 441 ล้านบาท (แต่หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว STA จะมีกำไรสุทธิประมาณ 350 ล้านบาท)
มองกรณีเลวร้ายราคายางลงได้ถึง 60 บาท/กก.
สำหรับมุมมองของผู้บริหารเกี่ยวกับราคายางนั้น ทางผู้บริหารมองว่าราคายางยังมีความผันผวนค่อนข้างมากเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่งผลให้ความต้องการยางพาราไม่เพิ่มสูงมากอย่างที่เคยเกิดมาก่อนหน้านี้ ขณะที่ปริมาณผลผลิตยังคงออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่สุดทางผู้บริหารมองว่าราคายางอาจจะลงไปแตะระดับต้นทุนเฉลี่ยของเกษตรกรที่ระดับ 60 บาท/กก. ได้ จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 80 บาท/กก. ซึ่งหากลงไปในระดับดังกล่าวจะทำให้ผลประกอบการของ STA ในช่วงที่เหลือของปีอาจจะต้องพบกับผลขาดทุนต่อได้ แต่หากราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นราคาของภาครัฐก็จะทำให้ผลประกอบการพลิกกลับมามีกำไรสุทธิแทน ส่วนในแง่ปริมาณขายทาง STA มีการปรับเป้ายอดขายปีนี้ลงเหลือ 1 ล้านตัน(1H55 ขายได้แล้วประมาณ 480,000 ตัน) เพิ่มขึ้นประมาณ 5% จากเดิมที่เคยคาดว่าจะเติบโตได้ในระดับ 10%YoY ซึ่งเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในทวีปยุโรปในปัจจุบัน
แผนเพิ่มกำลังการผลิตปีนี้คงเดิม แต่เลื่อนเป้า 1.5 ล้านตันไปเป็นปี 2557 แทน
สำหรับแผนเพิ่มกำลังการผลิตนั้นในปีนี้คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าที่คาดว่าจะมีกำลังการผลิต 1.17 ล้านตัน โดยในช่วงเดือน ก.ย. และ พ.ย. จะเปิดโรงงานใหม่อีก 2 แห่งที่อินโดนีเซียและที่อุดรธานี ที่จะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 120,000 ตัน/ปีส่วนปี 56 เดิมที่ตั้งเป้าไว้จะมีกำลังการผลิต 1.56 ล้านตันนั้นทาง STA มีการปรับแผนโดยจะเลื่อนการเปิดโรงงานที่อินโดนีเซียไป 2 แห่งเพื่อให้เหมาะกับสภาพอุตสาหกรรมยางพาราในปัจจุบัน และทำให้กำลังการผลิตในปีหน้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.39 ล้านตันแทน (เปิดโรงงานเพิ่ม 3 แห่งที่ชลบุรี อุบลราชธานี พิษณุโลก และที่อินโดนีเซีย) ส่วนการเพิ่มพื้นที่ปลูกยางขึ้นให้ 8,000 Hectare (ประมาณ 50,000 ไร่) ล่าสุดมีพื้นที่ที่สามารถกรีดยางได้แล้วประมาณ 66 hectare เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มี 40 hectare และมีพื้นที่ที่อยู่ระหว่างปลูกอีก 1,995 hectare ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างสำรวจและจัดหาพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งหากเป็นไปตามเป้าที่ STA วางไว้จะทำให้ได้รับประโยชน์จากต้นทุนยางพาราที่ต่ำลงและช่วยหนุนให้ผลประกอบการขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต
1H55 ขาดทุน + ราคายางยังไม่ฟื้น ปรับกำไรสุทธิปีนี้ลงอีกครั้ง
จากผลประกอบการที่ในช่วง 1H55 ออกมาขาดทุน แม้ว่าผลประกอบการในช่วง 2H55 เราคาดว่าจะเริ่มดีขึ้นหากราคายางไม่ปรับตัวลดลงมากกว่านี้ และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทผลิตถุงมือยางที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ต่ำลง รวมถึงจะได้รับประโยชน์จากเงินสงเคราะห์การทำสวนยางที่จ่ายน้อยลงตามราคายางพาราที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลงได้ เราจึงมีการปรับกำไรสุทธิในปี 55 ลงเหลือ 670 ล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้สูงถึง 2,062 ล้านบาท สำหรับคำแนะนำการลงทุนเรามองว่า STA เป็นหุ้นที่มีความผัวผวนตามทิศทางราคายางพาราอย่างมาก ดังนั้นจึงแนะนำให้รอจังหวะยางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว "เก็งกำไร" จากประเด็นดังกล่าวเท่านั้น โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 55 ได้ใหม่ที่ 14.10 บาท (PBV 1X)
-----------------------------------------------------------------------