EGCO : บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)
หมวดธุรกิจ : พลังงานและสาธารณูปโภค  www.egco.com

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
-----------------------------------------------------------------------
ศุกร์ 17 ส.ค.2555--EGCO :
ที่มา : วิเคราะห์หุ้นรายวัน : บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง

บมจ. ผลิตไฟฟ้า (EGCO)         ซื้อ (Unchanged)
ราคาปิด (บาท): 120.00
ราคาเป้าหมาย (บาท):   128.00
ข้อมูลบริษัท

       Description : ประกอบธุรกิจด้านการลงทุนโดยการถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ (Holding company) ที่ประกอบธุรกิจ 1) ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าทั้งในฐานะรายใหญ่ (IPP-Independent Power Producer) และรายเล็ก (SPP-Small Power Producer) 2) ธุรกิจการให้บริการด้านเทคนิคการจัดการแก่โรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ และ 3) ธุรกิจน้ำ ที่ผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้การประปาส่วนภูมิภาค
ซื้อเหมืองถ่านหินเพื่อต่อยอดธุรกิจในอินโดนีเซีย
       ประเด็นการลงทุน : EGCO แจ้งการเข้าลงทุนโครงการเหมืองถ่านหิน Manambang Muara Enim (MME) ในสัดส่วน 40% ด้วยเงินลงทุนจำนวน 197 ล้านเหรียญ แม้เราจะกังวลต่อการก้าวข้ามไปสู่ธุรกิจถ่านหินที่มีความผันผวนสูงกว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ทำอยู่ในปัจจุบัน  แต่ราคาซื้อที่ไม่แพงถือว่าได้ชดเชยความเสี่ยงดังกล่าวไปบางส่วน เราประเมินอย่าง Conservative คาดการซื้อกิจการครั้งนี้จะเพิ่มมูลค่าให้กับ EGCO ได้อีก 4.06 บาทต่อหุ้น เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเหมาะสม 128 บาท (ยังไม่รวมมูลค่าเพิ่มจากการเข้าซื้อสัดส่วนใน MME) จากมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในอนาคตจากการประมูลโรงไฟฟ้า IPP
       กังวลจากการซื้อสัดส่วนเหมืองถ่านหินแต่ชดเชยด้วยราคาซื้อที่ไม่แพง : EGCO แจ้งการเข้าลงทุนโครงการเหมืองถ่านหิน Manambang Muara Enim (MME) ในสัดส่วน 40% ด้วยเงินลงทุนจำนวน 197 ล้านเหรียญ เหมือง MME เป็นเหมืองชนิดเปิด (Open-pit) ตั้งอยู่ในเมืองเมารานีนิม จังหวัดสุมาตราใต้ ซึ่งได้สัมปทานจากประเทศอินโดนีเซียเป็นเวลา 28 ปี ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2553 - มี.ค. 2581 ค่าความร้อน 5,800 กิโลแคลอรี่/กก. (kcal/kg)  EGCO เคยระบุถึงความสนใจการลงทุนในเหมืองถ่านหินไว้อยู่แล้วในการประชุมนักวิเคราะห์ แต่ระยะเวลาการประกาศการซื้อขายในครั้งนี้ถือว่าเร็วกว่าคาด เบื้องต้นเรามีความกังวลต่อการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจเหมืองถ่านหินที่มีความผันผวนของผลประกอบการมากกว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ EGCO ทำอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามการเข้าซื้อในครั้งนี้ถือว่าได้ราคาถูก บนสมมติฐานปริมาณถ่านหินสำรองที่ 140 ล้านตัน หรือ 3.5 เหรียญต่อตัน ถูกกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อ CEY ของ BANPU ที่ 5.3 เหรียญต่อตัน
       ประเมินมูลค่าเพิ่มเบื้องต้น 4.06 บาท : บนสมมติฐาน EV/Reserve ของ ITM ที่ประมาณ 9.5 เหรียญต่อตัน และเพิ่มความระมัดระวังขึ้นโดยการกำหนดส่วนลด 50% บน EV/Reserve ของ ITM จากข้อมูลที่จำกัดของทั้งในส่วนของกำลังการผลิต คุณภาพถ่านหินของ MME เพื่อประเมินมูลค่าเพิ่มของ EGCO เบื้องต้นจากการซื้อ MME เราคาดมูลค่าเพิ่มจะอยู่ในระดับ 4.06 บาท อย่างไรก็ตามยังคงเร็วเกินไปที่จะประเมินส่วนแบ่งกำไรจาก MME เนื่องจากข้อมูลที่จำกัด เราคาดว่าวัตถุประสงค์หลักของการเข้าซื้อกิจการเหมืองถ่านหินในครั้งนี้ของ EGCO ไม่ได้เพื่อเข้าสู่ธุรกิจถ่านหินอย่างเต็มตัว แต่คาดจะมีเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การต่อยอดในการทำธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่ EGCO มีความเชี่ยวชาญมากกว่า
       คงคำแนะนำ ซื้อ : แม้เราจะมีความกังวลต่อการซื้อธุรกิจถ่านหินของ EGCO ในครั้งนี้ แต่ถือว่าได้รับการชดเชยจากการซื้อที่มีส่วนลด เรายังคงแนะนำ ซื้อ EGCO ด้วยราคาเหมาะสม 128 บาท (ยังไม่รวมมูลค่าเพิ่มจากการเข้าซื้อสัดส่วนใน MME) เนื่องจากมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในอนาคตจากการประมูลโรงไฟฟ้า IPP ในปี 2556 ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกให้กับกลุ่มโรงไฟฟ้ารวมทั้ง EGCO ในช่วง6-12 เดือนข้างหน้า
-----------------------------------------------------------------------
ศุกร์ 10 ส.ค.2555--EGCO :
ที่มา : 2Q55 RESULTS NOTE : บมจ.หลักทรัพย์เอเชียพลัส

ผลิตไฟฟ้า (EGCO)
กำไรสุทธิ 2Q55 เพิ่มขึ้นมีนัยฯ QoQ ปรับเพิ่มประมาณการปี 2555     
คำแนะนำการลงทุน          ซื้อ
          ราคาปัจจุบัน  : 116 บาท
          Fair Value : 119.57 บาท
          มูลค่าตลาด   : 61,070 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 2Q55 เพิ่มมีนัยฯจากรายการพิเศษ ขณะที่กำไรปกติทรงตัว
     EGCO รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q55 เท่ากับ 6.27 พันล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 271.3%qoq สาเหตุหลักมาจากการบันทึกรายการพิเศษกำไรจากการตีมูลค่ายุติธรรมของโรงไฟฟ้าเคซอน ในฟิลิปปินส์ ที่ EGCO ถือหุ้นไว้สัดส่วน 52.125% ก่อนที่จะมีการซื้อหุ้นเพิ่มเติมอีก 45.875% ในวันที่ 11 มิ.ย. 2555 ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชี จำนวน 4.31 พันล้านบาท รวมถึงยังมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 271 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากพิจารณากำไรจากการดำเนินงานปกติ (Norm Profit) งวด 2Q55 พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 3%qoq โดยหลักๆเป็นผลจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 25.4%qoq มาอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท ตามผลกำไรที่ดีขึ้นของทุกโรงไฟฟ้าที่ EGCO ถือหุ้นทั้ง BLCP, KK2, น้ำเทิน2 และเคซอน ขณะที่ผลการดำเนินงานจากโรงไฟฟ้าหลักระยอง (REGCO) และขนอม (KEGCO) รวมกลับปรับตัวลดลง โดยในงวด 2Q55 โรงไฟฟ้าขนอมถึงขั้นเผชิญกับขาดทุนราว 40 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ทำไว้กับ EGAT (PPA) ในช่วงใกล้หมดอายุสัญญา (REGCO ในปี 2557 และ KEGCO ในปี 2559) รายได้ค่าความพร้อมจ่าย (AP) จะปรับตัวลดลง ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถหักล้างกับต้นทุนที่เกิดขึ้นได้ ทำให้ถึงขั้นต้องเผชิญกับผลขาดทุนสุทธิ โดยรวมแล้วส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 1H55 เท่ากับ 7.96 พันล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 167.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมากกว่าประมาณการทั้งปี 2555 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้เดิม
คาดกำไร 3Q55 ยังทรงตัวระดับสูง ก่อนที่จะอ่อนตัวลงใน 4Q55 ตามฤดูกาล
     ฝ่ายวิจัยได้ทำการปรับเพิ่มประมาณการกำรสุทธิปี 2555 เพื่อสะท้อนรายการพิเศษการ Revalue สิ้นทรัพย์โรงไฟฟ้าเคซอนที่เกิดขึ้นในงวด 2Q55 ดังกล่าวข้างต้น แต่แนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานปกติในงวด 2H55 ยังมีทิศทางอ่อนตัวลงจากงวด 1H55 เพราะจะถูกกดดันจากแนวโน้มผลการดำเนินงานในงวด 4Q55 ที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดของปีตามผลของฤดูกาล (Seasonal)  เพราะเป็นไตรมาสที่โรงไฟฟ้าจะเดินเครื่องไม่ครบเต็มทั้งไตรมาสเนื่องจากโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ถูก EGAT สั่งให้เดินเครื่องเต็มกำลังครบกำหนดตามสัญญาแล้วตั้งแต่ช่วง 9-11 เดือนแรกของปี ทำให้ในช่วง 1-2 เดือนสุดท้ายของปีจะไม่ได้รับรายได้ค่าความพร้อมจ่าย อีกทั้งโดยปกติแล้วโรงไฟฟ้า BLCP (EGCO ถือหุ้น 50%) จะมีการหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงประจำปีราว 1 เดือน ในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี ทำให้ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้ามีแนวโน้มปรับตัวลดลงในงวด 4Q55 ขณะที่คาดแนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานปกติในงวด 3Q55 น่าจะทรงตัวได้ระดับสูงใกล้เคียงกับงวด 2Q55 เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเคซอนในสัดส่วน 98% เต็มที่เป็นไตรมาสแรก ซึ่งคาดว่าจะสามารถหักล้างกับทิศทางกำไรจากโรงไฟฟ้าหลักระยอง และขนอมที่ยังจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องได้
เน้นเข้าลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว...ยังคาดหวัง Upside เพิ่มได้อีกจากประมูล IPP  
     ภายใต้ประมาณการใหม่ ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2555 (DCF) เท่ากับ 119.57 บาทต่อหุ้น (จากเดิม 118.45 บาทต่อหุ้น) ซึ่งหากพิจารณาราคาตลาดปัจจุบันพบว่ามี Upside จาก Fair Value ปี 2555 เพียง 5% ระยะสั้นจึงแนะนำให้เข้าลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว เนื่องจากหากพิจารณาในระยะยาว EGCO ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีศักยภาพสูงที่จะชนะการประมูล IPP รอบใหม่ คาดจะกำหนดให้ผู้ประกอบการยื่นซองเข้าร่วมประมูลได้ในช่วงปลายปี 2555 และจะประกาศผลผู้ชนะการประมูลในช่วงต้นปี 2556 ต่อไป ซึ่งฝ่ายวิจัยได้ประเมินเบื้องต้นภายใต้วิธี Replacement Cost โดยใช้สมมติฐานต้นทุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ 8.5 แสนเหรียญฯต่อเมกะวัตต์ (ไม่รวมต้นทุน Facilities) และอัตราส่วน D/E อยู่ทื 3:1 พบว่าหาก EGCO ชนะประมูลโรงไฟฟ้า 1 แห่งจะเพิ่มมูลค่าพื้นฐานได้ราว 10.18 บาทต่อหุ้น
-----------------------------------------------------------------------