SCC : บริษัท ปูนซิเมนต์ จำกัด (มหาชน)
หมวดธุรกิจ : วัสดุก่อสร้าง  www.scg.co.th
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
-----------------------------------------------------------------------
ศุกร์ 27 ก.ค.2555 -- SCC :
ที่มา : Company Results : บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป

     ปูนซิเมนต์ไทย - SCC  แนวโน้มข้างหน้าดีขึ้น
     ลักษณะธุรกิจ - ผลิตและจำหน่ายปูนซิเมนต์/ผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง, ปิโตรเคมี และกระดาษ
     * ขาดทุนคงคลังปิโตรเคมีกดดันกำไร 2Q55
     * คาดหมายกำไร 2H55 ดีขึ้นจากปีก่อนแน่นอน โดยหวังธุรกิจปิโตรเคมีฟื้นตัว และธุรกิจปูนซิเมนต์, วัสดุก่อสร้าง และกระดาษน่าจะดีจากปีก่อน ซึ่งฐานกำไรต่ำจากผลกระทบน้ำท่วม
     * คงคำแนะนำ "ทยอยซื้อ" ราคาเหมาะสม 360 บาท
ประเด็นข่าว ?
     กำไร 2Q55 ลดลงมาก 42% y-y และ 28% q-q โดยการลดลงมากของธุรกิจปิโตรเคมี ขณะที่ปูนซิเมนต์และกระดาษเติบโตได้ดี
ความเห็น ?
     กำไร 2Q55 ดีกว่าคาด ทั้งนี้ ทางฝ่ายยังมองแนวโน้ม 2H55 ดีขึ้น
คำแนะนำการลงทุน ?
     คงคำแนะนำ "ทยอยซื้อ" ราคาพื้นฐาน 360 บาท
ขาดทุนคงคลังปิโตรเคมีกดดันกำไร 2Q55
     SCC ประกาศกำไร 2Q55 ที่ 4.2 พันล้านบาท ลดลง 42% y-y และ 28% q-q ธุรกิจปิโตรเคมีขาดทุน 1 พันล้านบาทตามการบันทึกคงคลัง 1.5 พันล้านบาท และการบันทึกค่าเสียหายไฟไหม้ที่ BST 600 ล้านบาท แม้ Spread ผลิตภัณฑ์ดีขึ้น แต่บริษัทร่วมก็ยังประสบขาดทุนเช่นกันจากบันทึกคงคลังกว่า 500 ล้านบาท ส่วนปูนซิเมนต์และวัสดุก่อสร้างยังมียอดขายที่ดี y-y แต่อ่อนลง q-q ตามฤดูกาล โดยหลักมาจากตลาดในประเทศที่ดี และการรวมรายได้จากบริษัทลูกที่อินโดนีเซีย และฟิลิปฟินส์ ที่ซื้อเข้ามาก่อนหน้านี้ กำไรของ 2 ธุรกิจนี้เติบโต 10% ส่วนธุรกิจกระดาษได้ผลดีจาก Margin ท่ามกลางรายได้เติบโตไม่มาก อย่างไรก็ตาม ผลลบจากธุรกิจปิโตรเคมีค่อนข้างมากฉุดผลประกอบการ 2Q55 ลดลงหนัก แม้ปัจจัยลบมากมาย กำไร 2Q55 ยังดีกว่าคาดหมายไป 5%
คาดหมายกำไร 2H55 ดีขึ้นจากปีก่อนแน่นอน
     ทางฝ่ายคาดว่ามีโอกาสสูงที่กำไร 2H55 จะดีกว่า 1H55 ทั้งนี้ ปูนซิเมนต์และวัสดุก่อสร้างไม่น่าห่วงเพราะกำไรต่ำมากในช่วงน้ำท่วมเมื่อ 2H54 อีกทั้งปีนี้ ยังรวมกำไรจากบริษัทคอนกรีต/วัสดุก่อสร้างอินโดนีเซีย และ ฟิลิป ฟินส์ ที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ ส่วนปิโตรเคมี แนวโน้มราคาและ Spread ดีขึ้นแล้วใน 2Q55 คาดว่าไม่น่าจะแย่ไปกว่า 1H55 ทั้งนี้ระดับราคาและ Spread ล่าสุดทำให้ผู้ผลิตขนาดกลางและเล็กหลายรายหยุดผลิตเพราะไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ อุปทานในตลาดน่าจะลดลง และช่วยพยุงราคาได้บ้างท่ามกลางความวิตกกังวลต่อปัญหาที่ยุโรปที่อาจกระทบอุปสงค์ส่วนความเสียหายที่ BST ยังมีรายจ่ายบันทึกใน 3Q55 อีก 750 ล้านบาท แต่หากราคาปิโตรเคมีช่วงนี้อาจทำให้มีรายการบักทึกกำไรจากคงคลังกลับมาหักล้างรายจ่ายข้างต้นได้ ดังนั้นผลกำไรใน 2H55 น่าจะดีกว่า 1H55 ทางฝ่ายคาดหมายกำไรลดลงไม่มากเพียง 4% จากปีก่อน
     ส่วนกำไรปีหน้าก็เติบโตไม่ยากจากฐานกำไรปีนี้ที่ต่ำมาก ธุรกิจปิโตรเคมี น่าจะดีกว่าช่วงต่ำสุดในปีนี้ และไม่มีรายการขาดทุนคงคลัง 2 พันล้านบาท กำไรน่าจะกลับไป 9 พันล้านบาทได้จากปีนี้ 4 พันล้านบาทนอกจากนี้การเติบโตต่อเนื่องของปูนซิเมนต์, วัสดุก่อสร้าง และกระดาษเติบโตในหลัก 10% ทางฝ่ายคาดหมายกำไรปี 56 ที่ 34 พันล้านบาท เติบโต 33%
คงคำแนะนำ "ทยอยซื้อ"
     ทางฝ่ายคงมุมมองกำไรน่าจะดีขึ้นตามลำดับตั้งแต่ 2H55 ถึง 2556 และราคาพื้นฐานที่ 360 บาท คงคำแนะนำ "ทยอยซื้อ"

-----------------------------------------------------------------------
พฤหัสฯ 26 เม.ย.2555--SCC :
ที่มา : Analyst Meeting : บล.ธนชาต

Siam Cement (SCC TB)  - BUY   Analyst Meeting
ผลการดำเนินงาน 2Q12 น่าจะดีกว่า 1Q12
     ธุรกิจเคมีภัณฑ์ดีขึ้นจากจุดต่ำสุด
     ซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้างถูกหนุนโดยความต้องการที่แข็งแกร่งในอาเซียน
     ธุรกิจกระดาษ และบรรจุภัณฑ์จะยังคงทรงตัว
     ระยะใกล้ขาดปัจจัยกระตุ้น แนะนำ "ซื้อลงทุนระยะยาว"
เราได้เข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ โดยประเด็นที่สำคัญจากการประชุมมีดังนี้
   * ผู้บริหารเชื่อว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจเคมีภัณฑ์จะแตะจุดต่ำสุดในช่วง 1Q12 ปัจจุบัน SCC ผลิตโอเลฟินส์ในอัตรา 95% และเป็นผู้นำตลาดในแง่ของราคา HDPE spreads ปัจจุบันอยู่ที่ US$453/tonne เทียบกับ US$375/tonne โดยเฉลี่ยในช่วง 1Q12
   * ผู้บริหารทราบถึงความต้องการ แม้ว่าจะดีขึ้น แต่ยังคงค่อนข้างอ่อนแอโดยเฉพาะจากประเทศจีน ซึ่งตรงกับมุมมองของเราที่มองว่าความต้องการในประเทศจีนอ่อนแอ เนื่องจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจะกดดัน spreads
   * ผู้บริหารยังคงชี้แนะว่าความต้องการซีเมนต์ในปีนี้จะเติบโต 5% ธุรกิจปูนซีเมนต์ถูกผลักดันโดยความต้องการจากกลุ่มที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่ง (เพิ่มขึ้น 8%y-y) การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยเพิ่มความต้องการปูนซีเมนต์ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ในทางตรงข้ามราคายังคงคงที่ที่ 1,800-1,850 บาท/ตัน ขณะที่ต้นทุนพลังงานลดลงเนื่องจากการลดของราคาถ่านหิน
   * ผลิตภัณฑ์ HVA มีสัดส่วนเป็น 34% ของยอดขายรวม ผู้บริหารยังคงให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เพื่อทำให้ผลการดำเนินงานดีขึ้น ในมุมมองของเรา ประเด็นนี้ถูกตีค่าสูงไป ในความจริงแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity-related products) ยังคงเป็นตัวกำหนดแนวโน้มอัตรากำไรและประสิทธิภาพการทำงานของธุรกิจเคมีภัณฑ์ ดังแสดงในผลการดำเนินงาน  1Q12
   * กลุ่มกระดาษบรรจุภัณฑ์จะทรงตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความต้องการที่ชะลอตัวลงจากประเทศจีน สำหรับกระดาษพิมพ์เขียน ราคาเยื่อกระดาษแข็งแกร่ง เนื่องจากซัพพลายเออร์อเมริกาใต้มีวินัยในการดำเนินงานมากขึ้น ซึ่งน่าจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคากระดาษ
   * ธุรกิจวัสดุก่อสร้างมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งไม่เพียงแต่จะมีสาเหตุจากน้ำท่วมเท่านั้น แต่ยังมีสาเหตุจากผลการดำเนินงานในต่างประเทศที่แข็งแกร่งอีกด้วย
   * ปัจจุบัน SCC กำลังดำเนินร่วมกับ PT Chandra Asri  เพื่อทำการ debottleneck กำลังการผลิต นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการทำธุรกิจ PVC ในอินโดนีเซียอีกด้วย
   * Capex ปีนี้จะอยู่ที่ราว 40 พันลบ. โดยเป็นเงินสำหรับซ่อมบำรุงจำนวน 12 พันลบ. และที่เหลือสำหรับการลงทุนเข้าซื้อกิจการ
   * ผู้บริหารย้ำความตั้งใจที่จะจบการสร้างโรงงานซีเมนต์ในประเทศอินโดนีเซียในปีนี้ และกำลังมองหาโอกาสในการสร้างโรงงานในประเทศพม่า
   * ผลการดำเนินงาน 2Q12 น่าจะดีกว่า 1Q12 เนื่องจากอัตรากำไรของธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ดีขึ้น และผลการดำเนินงานของธุรกิจวัสดุก่อสร้าง และซีเมนต์ที่แข็งแกร่ง เรารู้ว่าไม่มีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นที่แข็งแกร่งในระยะอันใกล้นี้ เราเชื่อว่าเรื่องราวการเข้าซื้อกิจการในอาเซียนเพื่อรองรับ AEC เป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตในระยะยาว เราจะทบทวนประมาณการกำไรของเรา ขณะที่เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" SCC
-----------------------------------------------------------------------