AMATA : บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)
หมวดธุรกิจ : พัฒนาอสังหาริมทรัพย์   www.amata.com

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
-----------------------------------------------------------------------
ศุกร์ 3 ส.ค.2555--AMATA :
ที่มา : วิเคราะห์หุ้นรายวัน : บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง

บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA)     ซื้อ (unchanged)
ราคาปิด (บาท)     :  17.00
ราคาเป้าหมาย (บาท):  20.70 (unchanged)
คาดผลประกอบการ 2Q55 เติบโตเด่นทั้ง YoY และ QoQ 
     ประเด็นการลงทุน :  เรายังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อ AMATA โดยคาดว่าบริษัทจะมีผลประกอบการของ 2Q55 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากแรงหนุนของยอดการรับรู้รายได้จากการขายที่ดินที่สูงขึ้นและรายได้สาธารณูปโภคที่เติบโตต่อเนื่อง เราคงประมาณการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิของปี 2555 ที่  43% YoY และ 18% YoY ตามลำดับ และแม้ว่ายอดการขายที่ดินใน 1H55 AMATA ทำได้เพียง 36% ของเป้าปีนี้ที่ 3,000 ไร่ (+89% YoY) แต่ด้วยอุปสงค์ที่มีอยู่และความโดดเด่นของสถานที่ตั้งซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและศักยภาพการเติบโตในอนาคตจากการขยายตัวของท่าเรือในภูมิภาคเราคาดบริษัทจะมียอดขายถึงเป้าที่วางไว้ได้ เราคงคำแนะนำ "ซื้อ"จากการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของปี 2555 บนฐานของวิธี Forward PER ที่ 20 เท่าเราได้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 20.70 บาท/หุ้น
     คาดผลประกอบการ 2Q55 เติบโต QoQ และ YoY  : เราคาดรายได้ของ AMATA ใน 2Q55 ที่ 1,270 ล้านบาท (+45% YoY และ +42% QoQ) โดยคาดสัดส่วน 25% เป็นรายได้สาธารณูปโภคและค่าเช่า ส่วนที่เหลือ 75% เป็นรายได้จากการขายที่ดิน โดยเราคาดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินประมาณ 415 ไร่และกว่า 96% เป็นยอดมาจากอมตะซิตี้และส่วนที่เหลืออีกเล็กน้อยมาจากอมตะนคร เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 50% เปรียบเทียบกับ 52% ใน 1Q55 และ 43% ใน 2Q54 ขณะที่ค่าใช้จ่ายอื่นคาดจะทรงตัวจากไตรมาสที่ผ่านมา ดังนั้นเราคาดกำไรสุทธิของ 2Q55 เท่ากับ 315 ล้านบาท (+88% YoY และ 59% QoQ)
     ยอดขายที่ดิน 1H55 คิดเป็น 36% ของเป้าในปีนี้ : AMATA มียอดขายที่ดินของ 1H55 ที่ 1,080 ไร่ (1Q55 เท่ากับ 808 ไร่เป็นยอดจากอมตะนคร 35 ไร่และอมตะซิตี้ 773 ไร่และใน 2Q55 ที่ 272 ไร่ เป็นยอดจากอมตะนคร 110 ไร่และอมตะซิตี้ 162 ไร่) ดังนั้นยอดขายของ 1H55 คิดเป็น 36% ของเป้าในปีนี้ที่บริษัทตั้งไว้ที่ 3,000 ไร่ (+89% YoY) โดยคาดว่ากลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นสัญชาติญี่ปุ่นในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ นอกจากนี้ AMATA มียอดที่เป็นการแจ้งความจำนงค์ขอซื้อขาย (Letter of Intent - LOI) อีกกว่า 800 ไร่ซึ่งคาดจะเซ็นสัญญาได้ภายใน 2H55 นี้เป็นปัจจัยหนุนที่ช่วยในยอดขายของปีนี้ถึงเป้าได้ นอกจากนี้ AMATA ยังมี Upside จากการขายที่ดินแปลงใหญ่กว่า 1,000 ไร่ให้กลุ่มร่วมทุน Holley ซึ่งคาดว่าจะเกิดการขายเร็วที่สุดในช่วงสิ้นปีนี้
     คงประมาณการปี 2555 และ 2556 : จากยอดขายที่โดดเด่นและรายได้จาก สาธารณูปโภคและค่าเช่าที่เติบโตต่อเนื่อง เราคงประมาณการรายได้ของปี 2555 เท่ากับ 5,359 ล้านบาท (+43% yoy) และกำไรสุทธิเท่ากับ 1,101 ล้านบาท (+18% yoy) โดยเราเชื่อว่าบริษัทจะเติบโตมากขึ้นในปี 2556 จากยอดขายของปีนี้จะสะสมเป็น Backlog สำหรับปี 2556 เป็นต้นไปและในปี 2556 มีการรอรับรู้รายได้จากการขายที่ดินแปลงใหญ่ให้กับ Canadoil ดังนั้นเราคาดว่าในปี 2556 AMATA จะมียอดรายได้และกำไรสุทธิเติบโต 29% yoy และ 55% yoy ตามลำดับและ AMATA มีประเด็นบวกจากการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10-15% ทั้งในอมตะนครและอมตะซิตี้ ซึ่งราคาขายใหม่จะใช้กับลูกค้ากลุ่มที่เริ่มเข้ามาติดต่อซื้อขายในปัจจุบัน โดยราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นของปี 2556 เป็นต้นไปปรับตัวดีขึ้น
     คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 20.70 บาท/หุ้น : เรามีมุมมองที่เป็นบวกต่อ AMATA จากยอดขายที่ดินที่เติบโตซึ่งจะเป็น Backlog สนับสนุนการเติบโตในปี 2555 - 2556 จากการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของปี 2555 บนฐานของวิธี Forward PER ที่ 20 เท่าเราได้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 20.70 บาท/หุ้นคงคำแนะนำ "ซื้อ"
-----------------------------------------------------------------------

พุธ 25 เม.ย.2555--AMATA :
ที่มา : KSS Company Update : บล.กรุงศรี จำกัด(มหาชน)

Amata Corporation
Stock Rating         TRADING
Previous Rating      TRADING
Fair Value           Bt21.00
Current Price        Bt17.20
Upside/(Downside)    22.09%
Consensus (median)   Bt21.08
Sector Property (Industrial Estate)
Sector Rating UNDERWEIGHT
ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานสะท้อนศักยภาพการขายที่ดินแข็งแกร่ง
       เราปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานของหุ้น AMATA ขึ้น 24% ที่ 21.00 บาทสะท้อนศักยภาพการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งทั้งจากลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการขยายการลงทุนในไทยและการขายที่ดินผ่าน Joint Venture ที่ร่วมลงทุนระหว่าง AMATA และ Holley ให้แก่นักลงทุนจีนที่ต้องการลงทุนในไทย แต่ด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ต่ำ เราคงคำแนะนำ "เก็งกำไร"
เริ่มต้นด้วยดีกับการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา    
       ยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทใน 1Q55 เท่ากับ 808 ไร่ (อมตะนคร 35 ไร่ และ อมตะซิตี้ 773 ไร่) และยอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน เท่ากับ 911 ไร่ (อมตะนคร 138 ไร่ และอมตะซิตี้ 773 ไร่) โดยมีลูกค้ารายใหญ่เข้ามาซื้อที่ดินเพื่อขยายการลงทุนนับตั้งแต่ต้นปี ดังเช่น Bridgestone เซ็นสัญญาซื้อที่ดินในอมตะซิตี้จำนวน 544 ไร่ในเดือน มี.ค. 55 ด้วยแนวโน้มการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมที่ดีนับตั้งแต่ต้นปี หากบริษัทสามารถปิดการขายที่ดินภายในกลางปีนี้ที่ 1.5 พันไร่ เป้าหมายยอดขายที่ดินของบริษัทสำหรับปีนี้ที่ 3 พันไร่ (ยังไม่รวมอีก 1 พันไร่ที่จะขายให้แก่ Joint Venture ร่วมลงทุนระหว่าง AMATA และ Holley) จะยิ่งน่าเชื่อถือมากขึ้น ปัจจัยสนับสนุนแนวโน้มการขายที่ดินในปีนี้ของบริษัท ได้แก่ 1) การลงทุนใหม่หรือการขยายการลงทุนในไทยเคลื่อนย้ายไปยังโซนภาคตะวันออกที่ AMATA เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ภายหลังประสบปัญหาน้ำท่วมหนักในเขตภาคกลาง แม้แต่ ROJNA ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในอยุธยายังปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ที่ระยอง และ 2) ภาพรวมการลงทุนทางตรงในไทยที่เติบโตต่อเนื่องจากปี 54 โดยที่มูลค่าการขอสิทธิพิเศษ BOI ในรอบ 1Q55 ยังเติบโต 106%YoY มาที่ 231 พันล้านบาท 
แนวโน้มผลประกอบการ 1Q55 เติบโต YoY   
       เราคาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q55 ที่ 195 ล้านบาท (+74%YoY และ -59%QoQ) เติบโต YoY เนื่องจากบริษัทสามารถโอนที่ดินนิคมอุตสาหกรรมใน 1Q55 เพิ่มขึ้นที่ 200 ไร่ (+122%YoY) ช่วยผลักดันรายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้นมาที่ 531 ล้านบาท (+104%YoY และ -57%QoQ) สัดส่วนการโอนที่ดินประมาณ 2/3 มาจากนิคมอมตะซิตี้ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าอมตะนคร ดังนั้นเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจขายที่ดินใน 1Q55 ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 56.5% ผลประกอบการของธุรกิจขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมสำหรับปี 55 ขึ้นอยู่กับแนวโน้มการโอนที่ดินที่ขายได้ในอดีตโดยเฉพาะขายในช่วงปี 54 (1,555 ไร่) และเราคาดว่า แม้ว่าผลประกอบการ 1Q55 จะเติบโตดี YoY แต่ยังถือว่าเป็นฐานผลประกอบการที่ต่ำ อย่างไรก็ตามผลประกอบการรายไตรมาสจะเพิ่มขึ้นใน 2H55 โดยเฉพาะ 4Q55 ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงที่บริษัทสามารถโอนที่ดินให้แก่ลูกค้าได้มากขึ้นและอาจจะได้รับผลดีจากการเริ่มต้นโอนที่ดินล็อตใหญ่ที่ขายให้แก่ Bridgestone เมื่อต้นปีนี้
ปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการปี 56
       เราปรับเพิ่มสมมติฐานยอดขายที่ดินในปี 55 มาที่ 2.5 พันไร่ (จากเดิม 2 พันไร่) สะท้อนแนวโน้มการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมที่เริ่มต้นด้วยดีตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันประกอบกับอยู่ระหว่างเจรจาซื้อขายที่ดินล็อตใหญ่ระหว่างบริษัทกับลูกค้ารายใหญ่อีกหลายราย การปรับสมมติฐานส่งผลให้เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 56 เพิ่มขึ้น 9% จากเดิมมาที่ 1.49 พันล้านบาท (+32%YoY) ในขณะที่เรายังคงประมาณการผลประกอบการปี 55 เนื่องจากการขายที่ดินส่วนใหญ่ในปี 55 จะถูกรับรู้เป็นรายได้ในปี 56 นอกเหนือจากธุรกิจขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมผลักดันผลประกอบการปี 56 การเริ่มต้นดำเนินการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า SPP ทั้งหมด 3 โรง (โรงละ 120 เมกะวัตต์) ที่อมตะนคร 1 โรงและอมตะซิตี้ 2 โรงจะช่วยผลักดันการรับรู้ส่วนแบ่งผลประกอบการในปี 56  
คงคำแนะนำ "เก็งกำไร"
       เราปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานมาที่ 21.00 บาท (จากเดิม 17.00 บาท) โดยปรับเพิ่ม Prospective P/E สำหรับการประเมินมูลค่าพื้นฐานมาที่ 20 เท่า (จากเดิม 16 เท่า) หรือ PEG ไม่เกิน 1 เท่า โดยเทียบจากอัตราเติบโตของ EPS ของบริษัทที่ 21%YoY ในปี 55 และ 32%YoY ในปี 56  และสะท้อนศักยภาพการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมที่เติบโตดีซึ่งทำให้ตัวเลขทั้งปีเป็นระดับสูงสุดใหม่ในประวัติการณ์ของบริษัท แม้ว่าราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานใหม่ของเราถึง 22% แต่อัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในระดับต่ำเพียง 2-3% ต่อปี ดังนั้นคงคำแนะนำ "เก็งกำไร"
-----------------------------------------------------------------------