KSL : น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน)
หมวดธุรกิจ : เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร  www.kslsugar.com

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
-----------------------------------------------------------------------
พฤหัสฯ 29 ก.ย.2554--KSL :
ที่มา : AYS Company Update : บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา

Khon Kaen Sugar Industry
Stock Rating        BUY
Previous Rating     BUY
Fair Value          Bt16.00
Current Price       Bt11.0
x.00
Upside/(Downside)   +46%
Consensus (median)  Bt19.14
Sector              Food and Beverage
Sector Rating       NEUTRAL
คาดผลการดำเนินงานปี 55 เติบโตต่อเนื่อง
     คาดว่าความผันผวนของราคาน้ำตาลในตลาดโลกจะไม่มีนัยต่อผลการดำเนินงานของ KSL เรายังคาดการหมายเติบโตต่อเนื่องของผลการดำเนินงานปี 55-56 จากการขยายกำลังการผลิตของธุรกิจน้ำตาลและเอทานอล โดยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 55 เติบโตกว่า 31% จากปีนี้ คงคำแนะนำซื้อ และคงมูลค่าพื้นฐานที่ 16 บาท (2.2xP/BV ระดับสูงสุดที่ซื้อขายใน 12 เดือน)
ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกผันผวนไม่กระทบผลการดำเนินงาน
     แม้ราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกยังคงผันผวนสูงโดยช่วง 3Q54 (พ.ค.-ก.ค.) ปรับลดลงแล้วกว่า 13%YoY และ OoQ มาอยู่ที่ 28 เซ็นต์ต่อปอนด์ และปัจจุบันยังมีทิศทางอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยต่อ KSL เนื่องจากระบบแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างชาวไร่กับโรงงานน้ำตาล (70:30) ที่ใช้อยู่ จะทำให้ต้นทุนอ้อยของโรงงานแปรผันตามราคาขายน้ำตาล กำไรของโรงงานน้ำตาลจึงขึ้นกับปริมาณส่งออกน้ำตาลเป็นสำคัญ ซึ่งเราเชื่อว่ายังอยู่ทิศทางขาขึ้นอย่างน้อยไปจนถึงปี 58 ตามแผนการขยายกำลังการหีบอ้อยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง KSL ยังคงมาตรการขายน้ำตาลล่วงหน้าตามบริษัทอ้อยและน้ำตาลไทย (อนท.) เพื่อลดความผันผวนจากความต่างของราคาขายผลิตภัณฑ์น้ำตาลและต้นทุนวัตถุดิบอ้อย โดยเฉลี่ยยังคงขายได้ที่ระดับดีกว่าอนท. (ไม่ได้เปิดเผยราคาขายเฉลี่ย)  ซึ่งล่าสุด อนท.มีการขายน้ำตาลล่วงหน้าแล้วไปแล้วกว่า 90% ของโควต้า ที่ระดับราคาเฉลี่ย 24 เซ็นต์ต่อปอนด์สูงกว่าปีก่อนราว 9%
การเติบโตทุกเกือบทุกกลุ่มธุรกิจสนับสนุนการเติบโตหลังปี 54
     สำหรับปี 55 เราคงประมาณการกำไรสุทธิเติบโต 31%YoY ที่ระดับ 2.1 พันล้านบาท ด้วยปัจจัยสนับสนุน
ธุรกิจน้ำตาล: คาดมีกำไรสุทธิกว่า 1.4 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 13%YoY คิดเป็นสัดส่วน 68% ของประมาณการกำไรสุทธิรวมปี 55
     * ในปีบัญชี 54/55 นี้ (เปิดหีบราวกลางเดือนพ.ย.) เราคาดปริมาณผลผลิตอ้อยทั่วประเทศไม่ต่ำกว่าปีก่อน (95 ล้านตันอ้อย) จากการเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อยตั้งแต่ปี 51 รวมถึงปริมาณอ้อยที่คงค้างมาจากฤดูกาลหีบอ้อยปีนี้ ขณะเดียวกันผู้บริหารของทั้ง KSL และ KBS ประเมินผลผลิตอ้อยทั่วประเทศไม่ต่ำกว่าที่ระดับ 100 ล้านตัน  (เราคาดจะประเมินผลผลิตได้ชัดเจนราวเดือนม.ค.-ก.พ.55) ส่วนกรณีน้ำท่วม ไม่มีนัยต่อพื้นที่เพาะปลูกอ้อยเพราะส่วนใหญ่ปลูกในที่ดอน ซึ่งน้ำท่วมไม่ถึง กอปรกับอ้อยเป็นพืชล้มลุกที่ค่อนข้างทนทานต่อสภาพภูมิอากาศ
     * กำลังการผลิตน้ำตาลจะเพิ่มขึ้น 15%YoY ที่ 7 ล้านตันจากการขยายโรงงานบ่อพลอยเฟส 2
     * มีแผนขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องในปี 56-57 จากการขยายโรงงานบ่อพลอยเฟส 3 รวมถึงการเปิดโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดเลย ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการ
     ธุรกิจเอทานอล: คาดมีกำไรสุทธิราว 114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58%YoY คิดเป็นสัดส่วน 5% ของกำไรสุทธิรวมปี55 จากการเปิดใช้โรงงานเอทานอลที่บ่อพลอย รวมถึงมีวัตถุดิบโมลาสคงค้างในสต๊อกอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้บริหารคาดการณ์ปริมาณผลผลิตเอทานอลปี 55 สูงถึง 100 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัวจากปีนี้ คาดว่าผลผลิตส่วนใหญ่จะเน้นส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของอุปสงค์ในประเทศหลังการยกเลิกกองทุนน้ำมัน ขณะเดียวกันแม้ต้องส่งออกเอทานอลเพิ่มมากขึ้น เราคาดจะไม่มีผลกระทบต่อราคาส่งออก เนื่องจากราคาเอทานอลในตลาดโลกถูกกำหนดโดยบราซิลผู้ผลิตอันดับหนึ่งของโลก ซึ่ง UNICA คาดว่าปี 55 จะมีปริมาณผลผลิตเอาทานอลลดลง 19% ตามผลผลิตอ้อยที่ลดลง รวมถึงต้นทุนขนส่งของบราซิลยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เราเชื่อว่า กรณีเลวร้ายที่สุดราคาขายเฉลี่ยปี 55 น่าจะทรงตัวได้ใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยปีนี้ เพื่อมุมมองเชิงอนุรักษ์เราตั้งสมมติฐานปริมาณขายเอทานอลที่ 65 ล้านลิตรหรือเพิ่มขึ้นจากปีนี้ราว 36% ที่สมมติฐานราคาขายเฉลี่ยที่ 23 บาทต่อลิตรทรงตัวจากปีนี้
     ธุรกิจโรงงานน้ำตาลในลาวและกัมพูชา: คาดมีกำไรสุทธิที่ระดับ 200 ล้านบาทดีขึ้นจากการขาดทุน 100 ล้านบาทในปี 54 โดยจะเป็นปีแรกที่เริ่มมีกำไรเนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำตาลเลยจุดคุ้มทุน กอปรกับปริมาณผลผลิตอ้อยเริ่มเป็นไปตามเป้าหมาย คาดจะสามารถผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้นกว่า 67%YoY ที่ระดับ 5 แสนตัน
     ธุรกิจโรงไฟฟ้า: คาดมีกำไรสุทธิทรงตัวจากปีนี้ ที่ระดับ 338 ล้านบาท แม้กำลังการผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 25%YoY ที่ระดับ 2.3 แสน MW-Hr จากการดำเนินงานโรงไฟฟ้าที่บ่อพลอยเต็มที่ แต่ด้วยต้นทุนค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายรวมถึงค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เราจึงคงประมาณการเชิงอนุรักษ์
คาดผลการดำเนินงาน 4Q54 (ปิดต.ค.) ลดลง 80%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
     เราประมาณการกำไรสุทธิ 4Q54 ที่ 159 ล้านบาท ลดจาก 789 ล้านบาทใน 3Q54 แต่ดีขึ้นจาก 51 ล้านบาทใน 4Q53 เนื่องจากอยู่นอกฤดูกาลส่งออก คาดว่าปริมาณส่งออกจะลดเหลือเพียง 8 หมื่นตัน  (-60%QoQ)  ที่ราคาขายเฉลี่ยใกล้เคียงกับ 3Q54
คงคำแนะนำ "ซื้อ" จากโอกาสเติบโตหลังปี 54
     ผลการดำเนินงานหลังปี 54 มีโอกาสเติบต่อต่อเนื่องจากการขยายกำลังการผลิต ขณะที่ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ 10.4xPE เทียบกับ 14.0xP/E ของกลุ่มน้ำตาลในภูมิภาค จึงค่อนข้างถูก เมื่อพิจารณาถึงโอกาสเติบโตของผลการดำเนินงานที่มากกว่ากลุ่มเนื่องจากอยู่ในช่วงของการขยายกำลังการผลิต เรายังคงมูลค่าพื้นฐานที่ระดับ 16 บาท (14xP/E ค่าเฉลี่ยกลุ่มน้ำตาลในภูมิภาคและเทียบเท่า 2.2xP/BV ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ซื้อขายสูงสุดในรอบ 12 เดือน) ด้วยระบบแบ่งปันผลประโยชน์และนโยบายการขายน้ำตาลล่วงหน้า ทำให้ KSL มีความเสี่ยงด้านการดำเนินงานต่ำ ขณะที่ผลการดำเนินงานยังอยู่ในช่วงของการเติบโต จึงเชื่อว่า KSL มีโอกาสกลับขึ้นไปซื้อขาย ณ ระดับ P/BV ในอดีตได้  อย่างไรก็ตามเนื่องจากผลการดำเนินงานรายไตรมาสมีความผันผวนสูง และผ่านระดับสูงสุดของปีไปแล้วใน 3Q54 โดยคาดจะกลับมาเติบโตก้าวกระโดดอีกครั้ง ใน 2Q55 (ก.พ.-เม.ย 55) ซึ่งเป็นฤดูกาลส่งออกน้ำตาลครั้งต่อไป จึงเหมาะสำหรับการเข้าลงทุนระยะ 6 เดือนขึ้นไป
-----------------------------------------------------------------------